Friday, July 2, 2010

Cops and Knives

Cops and Knives



ตำรวจในอเมริกาส่วนใหญ่นอกจากพกปืนเพื่อการใช้งานในภารกิจประจำวันแล้ว พวกเขายังพกมีดเพื่อการใช้งานทั่วๆไปด้วย มีดยังสามารถใช้เป็นอาวุธสำรอง (Backup weapons) ในยามจำเป็น แต่จะมีสักกี่คนที่ได้รับการฝึกฝนใช้มีดในเชิงต่อสู้ป้องกันตัว และมีการทบทวนการใช้อาวุธที่ตนพกประจำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อคงไว้ซึ่งความสามารถในการใช้อาวุธเหล่านั้น


นาย Michael Janich เป็นครูฝึกสอนการใช้มีดเพื่อการป้องกันตัวให้กับตำรวจ ทหาร และพลเรือน ที่มีชื่อเสียง เขากล่าวว่า ตำรวจต้องการมีด เพราะในหน้าที่การงานแล้วมีดสามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ตั้งแต่งานจิปาถะ เช่น ตัดข้าวของเล็กๆน้อยๆเพื่อหาหลักฐานของคดี ไปจนถึงการใช้เพื่อป้องกันตัวจากคนร้ายในระยะประชิด


มีดพับซึ่งสามารถเปิดได้ด้วยมือเดียว (One-handed tactical folder) เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานของตำรวจโดยทั่วไป


คำว่า Tactical ไม่ได้หมายความว่า มีดที่ทาสีดำหรือราคาแพงเป็นสองเท่า แต่หมายถึง มีดซึ่งง่ายในการพกพาโดยใช้ที่หนีบกระเป๋ากางเกง (Pocket clip) เป็นมีดที่แข็งแรงและมีระบบล็อกที่เชื่อถือได้ นอกจากนั้นยังต้องสามารถชักมีดและปิดมีดได้ด้วยมือเดียว


ถึงแม้ว่ามีดจะไม่ได้อยู่ในอุปกรณ์หลักของตำรวจ (รัฐไม่จัดหาให้หรือบังคับให้ต้องมี) แต่เมื่อจะพกมีดก็ไม่ควรฝากชีวิตไว้กับมีดคุณภาพต่ำ ราคาถูกๆ ซึ่งในท้องตลาดยังมีมีดที่มีคุณภาพดีแต่ราคาไม่แพงมากอยู่


ตำแหน่งในการพกมีด มี 2 แห่งที่ใช้กันบ่อย คือ พกในกระเป๋ากางเกงด้านมือข้างถนัด (Strong-side pocket) และด้านมือข้างไม่ถนัด (Weak-side pocket)


ประโยชน์ของการพกในกระเป๋าด้านมือข้างถนัด คือ สามารถชักปืนหรือมีดได้อย่างเป็นธรรมชาติ และใช้วิธีในการป้องกันการถูกแย่งอาวุธออกจากซองปืนหรือที่พกมีดด้วยรูปแบบเดียวกัน


ข้อดีของการพกมีดในกระเป๋ากางเกงด้านมือข้างไม่ถนัด คือ เมื่อคนร้ายเข้ามาแย่งปืนจากซองปืนของคุณ เราสามารถใช้มือข้างถนัดกุมปืนในซองเอาไว้ไม่ให้ถูกดึงออกไปได้ แล้วใช้มืออีกข้างชักมีดออกมาเพื่อใช้งานได้


ส่วนการพกมีดในตำแหน่งอื่น เช่น เหน็บไว้หลังเข็มขัด ใส่ในซองกระสุน หรืออื่นๆ ต่างก็มีข้อดี ข้อเสีย ดังนั้นตัวคุณเองต้องมองหาตำแหน่งในการพกมีดที่เหมาะสม โดยยึดหลักที่ว่า ต้องเป็นตำแหน่งที่ง่ายในการเข้าถึงมีด สามารถชักมีดออกได้อย่างรวดเร็วแม้ในขณะที่กำลังทำการต่อสู้ระยะประชิด


นอกจากนั้นต้องฝึกการพกและทำการชักมีดออกจากที่พกเพื่อใช้งาน ควรใช้มีดซ้อม (Training knives) ซึ่งมีลักษณะแบบเดียวกับมีดซึ่งเราใช้งานในการฝึกเพื่อความปลอดภัย ห้ามใช้มีดจริงในการฝึกซ้อมกับคู่ซ้อมโดยเด็จขาด


เมื่อมีมีดแล้วก็ต้องเลือกระบบวิชามีดในการใช้ซึ่งมีหลายรูปแบบ ถึงแม้ศิลปะการต่อสู้ที่มีมานาน (Traditional martial arts) จะมีการสอนมีดด้วยก็ตาม เช่น ในญี่ปุ่นมี Tanto-jutsu อินโนนีเซียมี Silat และ Filipino martial arts เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีระบบมีดต่อสู้ของทหาร (Military knife systems) มี Classical Western systems, Systems based on prison tactics และอื่นๆอีกมาก แต่ก็ไม่มีรูปแบบใดเพียงรูปแบบเดียวซึ่งเหมาะสมกับเจ้าหน้าที่ซึ่งต้องใช้อาวุธหรือประชาชนซึ่งพกมีดเพื่อการป้องกันตัวในสมัยใหม่ เนื่องจากวิชาเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาในต่างยุค ต่างสมัย ต่างวัฒนธรรม ต่างสถานการณ์ ต่างจุดประสงค์


ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันตัวด้วยมือเปล่าหรือมีดนั้น จะเห็นได้ว่าไม่มีรูปแบบใดเพียงรูปแบบเดียวของศิลปะการต่อสู้ (Traditional martial arts) ซึ่งเหมาะสมกับการใช้งานในปัจจุบัน ดังนั้นการดึงข้อดีของแต่ละรูปแบบนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เรียกว่า การป้องกันตัวแบบผสมผสาน


ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายหรือประชาชน มีดพับซึ่งเปิดได้ด้วยมือเดียว (One-handed tactical folders) ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการใช้งานทั่วไปและสามารถใช้เป็นอาวุธสำรองได้ในยามจำเป็น ส่วนการป้องกันตัวด้วยมือเปล่าหรือการใช้มีดนั้นควรเรียนรู้แบบผสมผสานเพื่อความยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับยุคสมัย อีกทั้งควรฝึกฝนบ่อยๆจนเกิดทักษะความชำนาญ


Thai self-defense และ Easy Defense Club สอนการป้องกันตัวด้วยมือเปล่าและมีดโดยอาศัยหลักการของ “การป้องกันตัวแบบผสมผสาน”


สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับมีดขอให้มี “สติ”


เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง What you don’t know can hurt you ของ Michael Janich

No comments:

 

Samsung LCD televisions