Wednesday, December 23, 2009

Palm Heel Strike

Palm Heel Strike

การจู่โจมลักษณะหนึ่งที่มีประสิทธิภาพมากในเชิงการป้องกันตัว คือ การใช้ส้นมือกระแทกเป้าหมาย (Palm Heal Strike)

โดยปกติการใช้หมัดนั้นเป็นอาวุธที่มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพมาก แต่ผู้ที่จะใช้หมัดได้ดีก็จำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนมากและนานพอสมควรกว่าจะชำนาญ หากคนทั่วไปซึ่งไม่ค่อยได้ใช้หมัดนอกจากจะใช้ได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพแล้วยังอาจเกิดการบาดเจ็บบริเวณมือได้ง่ายด้วย (ผู้ที่ฝึกการใช้หมัดเป็นประจำ ผิวหนังและเส้นเอ็นบริเวณข้อนิ้วมือข้อแรกซึ่งเป็นบริเวณที่กระทบเป้าหมายจะมีการเปลี่ยนแปลงหนาตัวขึ้นเพื่อรับแรงกระแทก อีกทั้งกระดูกนิ้วมือมีการหนาตัวขึ้นเพื่อเสริมความแข็งแรงไม่หักง่าย แต่กับคนทั่วไปซึ่งไม่ค่อยได้ใช้หมัดจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เมื่อใช้หมัดจึงอาจเกิดการบาดเจ็บที่มือได้ เช่น ผิวหนังฉีกขาด กระดูกมือหรือนิ้วหัก เป็นต้น)

การใช้ส้นมือกระแทกเป้าหมายแทนการชกด้วยหมัดจึงเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง เพราะเรียนรู้ได้เร็วไม่ต้องได้รับการฝึกมากนักก็สามารถใช้ได้ดี โอกาสบาดเจ็บจากการใช้ส้นมือกระแทกนั้นน้อยกว่าหมัด มีประสิทธิภาพในระดับที่ยอมรับได้ในการป้องกันตัว สามารถใช้ได้ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และ เด็ก

ตำแหน่งที่สามารถใช้ส้นมือโจมตีได้ดี อาทิเช่น คาง ดั้งจมูก ขากรรไกร หู กลางหน้าอก อีกทั้งจู่โจมจากด้านหน้าหรือด้านข้างก็ได้

การโจมตีควรต่อเนื่องจนกว่าภัยคุกคามจะไม่สามารถตอบโต้หรือไล่ตามเราได้อีก และทำให้เรามีเวลามากพอที่จะหนีออกมาจากสถานการณ์ร้ายนั้นได้

ในสถานการณ์วิกฤตินั้นเราจำเป็นต้องใช้ทักษะทุกอย่างเพื่อนำพาตัวเราให้รอดพ้นออกมาจากภยันตรายนั้นๆ การป้องกันการโจมตีจากคนร้ายร่วมกับการตอบโต้กลับเป็นแนวทางหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการเอาตัวรอด ไม่ว่าการใช้หมัดหรือส้นมือก็เป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้ไว้ วันหนึ่งมันอาจช่วยเราให้รอดพ้นจากภัยคุกคามก็ได้

สุดท้ายนี้ขอให้ตั้ง “สติ” ทุกครั้งเมื่อเผชิญเหตุ และขอให้ “พลังจงอยู่กับท่าน”

เรียบเรียงโดย Batman

Friday, December 11, 2009

Prey, Predator or Sheepdog?


Prey, Predator or Sheepdog?

คุณคือ เหยื่ออย่างแกะ (Sheep) เป็นผู้ล่าอย่างหมาป่า (Wolf) หรือ เป็นสุนัขเลี้ยงแกะ (Sheepdog) ? เป็นคำถามที่นาย Dave Grossman ถามผู้อ่านในหนังสือของเขาชื่อ “On killing” โดยส่วนใหญ่แล้วผู้อ่านซึ่งเป็นผู้หญิงจะตอบว่าเป็น “แกะ”

ไม่ต้องอายที่จะเป็นแกะเพราะแกะนั้นมีคุณค่าในสังคม มีนิสัยรักสันติจะทำร้ายแกะตัวอื่นในกรณีอุบัติเหตุเท่านั้น มักใช้กลไกป้องกันแบบปฏิเสธ เช่น ปฏิเสธว่ามีนักล่าที่ใช้ความรุนแรงอยู่ในสังคมซึ่งก็คือ หมาป่านั้นเอง

ในสังคมมนุษย์นั้นมีประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ที่จัดอยู่ในกลุ่มนักล่าหรือหมาป่า ซึ่งจะก่ออาชญากรรมโดยมองหาเหยื่อเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการโดยวิธีการที่รุนแรง เช่น ชกต่อย เอาไม้ฟาด ใช้มีด ใช้ปืน ข่มขืน ขโมย หรือแม้แต่ฆาตกรรม

พวกที่อยู่ในกลุ่มหมาป่าเหล่านี้จะชอบใช้ความรุนแรง เข้าใจและใช้มันเพื่อให้ได้สิ่งที่เขาต้องการโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรต่อการกระทำของเขา และไม่ลังเลที่จะทำร้าย ทำให้คุณพิการหรือแม้แต่ฆ่าคุณ ศัตรูอย่างเดียวของหมาป่าก็คือ สุนัขเลี้ยงแกะ

สุนัขเลี้ยงแกะนั้นมีความก้าวร้าวอยู่ภายใน พวกมันจะตอบโต้ความรุนแรงด้วยความรุนแรงเพื่อปกป้องตนเองและสังคมของมัน โดยปกติมันจะไม่ค่อยใช้กำลังกับหมาป่าแต่มันจะไม่ใช้กำลังเลยกับพวกแกะ

คนที่อยู่ในกลุ่มสุนัขเลี้ยงแกะมักเป็นทหาร เจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย หรือผู้ที่อยู่ในแวดวงการต่อสู้ป้องกันตัว และคนกลุ่มนี้มักทำให้พวกแกะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเพราะชอบเตือนแกะว่ามีหมาป่าอยู่ข้างนอกนั้น สุนัขเลี้ยงแกะมักถูกหัวเราะเยอะจากพวกแกะอย่างที่ Grossman เขียนไว้ว่า “พวกมันมีเขี้ยวเหมือนหมาป่า มีขนเหมือนหมาป่า แต่กลับชอบหาโอกาสที่จะโจมตีหมาป่าซึ่งเป็นสิ่งที่พวกแกะกลัว”

ถ้าคุณเลือกที่จะเป็น “แกะ” นั้นก็คือสิ่งที่คุณเลือก เพียงแต่จำไว้ว่าตัวคุณเองหรือคนที่คุณรักอาจถูกทำร้ายหรือเสียชีวิตได้หากไม่มีสุนัขเลี้ยงแกะเข้ามาช่วยรับมือกับหมาป่า ควรรู้ไว้ว่ามันไม่จำเป็นจะต้องเป็นเช่นนั้นตลอดไป ประชาชนธรรมดาอาจเปลี่ยนมาเป็นสุนัขเลี้ยงแกะได้เมื่อจำเป็น อย่างเช่นเหตุการณ์จี้เครื่องบิน 9/11 ของสายการบิน American Airlines ที่ประชาชนลุกขึ้นต่อต้านผู้ก่อการร้ายบนเครื่องบิน

ถ้าคุณต้องการเรียนรู้ว่าจะกลายเป็นสุนัขเลี้ยงแกะและสามารถป้องกันตัวเองจากหมาป่าได้อย่างไร ก็ควรต้องหาความรู้และเข้ารับการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มพูนทักษะในการเอาตัวรอดจากสถานการณ์วิกฤติ

TAS Defensive Course, Easy Defense Club, Thai self-defense เป็นทางเลือกหนึ่งในการเพิ่มพูนความรู้และทักษะที่จำเป็นในการเอาตัวรอดจากภัยคุกคามในสังคม

สุดท้ายนี้ขอให้ตั้ง “สติ” ทุกครั้งเมื่อเผชิญเหตุ และขอให้ “พลังจงอยู่กับท่าน”



เรียบเรียงโดย Batman

อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจาก Prey, Predator or Sheepdog? ของ women’s self-defense institute

Tuesday, December 1, 2009

4 weak points











4 weak points


การใช้กำลังเข้าแก้ไขสถานการณ์วิกฤตินั้นควรเป็นทางเลือกสุดท้าย หากเจรจาได้ควรเจรจา หากหนีได้ควรหนี เลี่ยงได้ควรเลี่ยง แต่หากจำเป็นจริงๆก็ห้ามลังเลที่จะทำ ถ้ามีสิ่งของใกล้ตัวที่สามารถใช้เป็นอาวุธได้ก็รีบใช้ พยายามทำให้เราเป็นฝ่ายได้เปรียบมากที่สุด

ในหลายกรณีเพียงแค่เราใช้เสียงดังและท่าทางที่จริงจังแสดงการห้ามปรามก็อาจหยุดภัยคุกคามได้ หรือเพียงแค่แก้ไขจากการถูกกอด ถูกฉุดแล้วรีบหนีก็ใช้ได้แล้ว แต่หากไม่ได้ผลการใช้กำลังตอบโต้ก็อาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เราควรต้องรู้ว่าจะใช้กำลังอย่างไรให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดด้วยวิธีการที่ง่ายที่สุด แม้ผู้หญิงตัวเล็กๆก็สามารถล้มผู้ชายตัวโตได้

ร่างกายของมนุษย์โดยเฉพาะผู้ชายมีจุดอ่อนหลายแห่ง ไม่ว่าคนนั้นจะมีร่างกายใหญ่โตเพียงใด ไม่ว่าจะมีกล้ามใหญ่แค่ไหน หากเรารู้วิธีโจมตีในตำแหน่งที่ถูกต้องก็สามารถหยุดคนร้ายได้เช่นกัน การป้องกันตัวจะอาศัยการเรียนรู้จุดอ่อนของร่างกายและใช้ประโยชน์จากมันในการนำพาตัวเองให้รอดพ้นจากภัยคุกคาม วิธีการป้องกันตัวหลายอย่างนำมาจากหรือดัดแปลงมาจากศิลปะการต่อสู้หลายๆแขนงเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่หลากหลาย

การป้องกันตัวโดยใช้กำลังมีหลักใหญ่ๆอยู่สองอย่าง คือ การแก้ไขเหตุ เช่น วิธีการแก้การถูกกอด ถูกจับมือถือแขน ถูกรัดคอ ถูกมีดจี้ ถูกปืนจี้ ถูกตีด้วยไม้ ถูกกดลงกับพื้น เป็นต้น รวมถึงการปัดป้องการทำร้ายจากคนร้าย เช่น การปัดหมัด การรับการถูกเตะ เป็นต้น อีกประการคือ การตอบโต้ ซึ่งรวมไปถึงการใช้กำลังทำร้ายหรือการควบคุมคนร้าย การจะใช้กำลังตอบโต้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ในภัยคุกคามหนึ่งๆนั้นอาจมีวิธีแก้หลายวิธีทั้งที่ใช้และไม่ใช้กำลังตอบโต้ เราควรเรียนรู้และฝึกฝนหลายๆอย่างเพื่อสามารถเลือกนำมาใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้

ร่างกายของเรามีจุดอ่อนที่สำคัญอยู่ 4 จุดซึ่งควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ การโจมตีไปยังตำแหน่งเหล่านี้ด้วยวิธีที่ถูกต้องจะสามารถหยุดคนร้ายได้ เปิดโอกาสให้เราหนี (เมื่อมีโอกาสให้รีบหนีทันที อย่าพยายามทำร้ายจนกว่าคนร้ายจะลุกไม่ขึ้น หรือพยายามควบคุมคนร้ายให้อยู่หมัดเพราะจะเพิ่มความเสี่ยงให้กับเราเองด้วย ยกเว้นว่าไม่อาจเลี่ยงได้จริงๆ)

- ดวงตา (Eyes) เป็นอวัยวะที่มีการปกป้องน้อยมาก เราสามารถใช้นิ้วจิ่มตาเพื่อให้พร่ามัวและเจ็บปวด หากคนร้ายหลับตาก็ยังสามารถใช้นิ้วกดไปที่ลูกตาอย่างแรงเพื่อให้เกิดความเจ็บปวดได้ เมื่อคนร้ายใช้ดวงตาไม่ได้ในขณะนั้นก็ลดโอกาสและประสิทธิภาพที่จะทำร้ายคนอื่นลงไปได้มาก จึงควรเรียนรู้วิธีในการโจมตีดวงตาอย่างมีประสิทธิภาพ

- หู (Ears) การใช้ฝ่ามือตบไปที่หูทั้งสองข้างหรือข้างใดข้างหนึ่งอย่างแรง ซึ่งแรงดันของอากาศจะถูกอัดตรงไปที่แก้วหูทำให้เกิดการฉีกขาดได้ สามารถสร้างความเจ็บปวดอย่างมากอีกทั้งการทรงตัวของคนร้ายอาจเสียไปชั่วขณะเปิดโอกาสให้เราหนี

- หลอดลม คอหอย หรือ ลูกกระเดือก (Trachea or Adam’s apple) เป็นตำแหน่งสำคัญอีกแห่งหนึ่งที่ง่ายแก่การโจมตี หากคนร้ายถูกกระแทกอย่างแรงบริเวณเหล่านี้จะทำให้การหายใจติดขัดและเจ็บปวดรุนแรงหมดโอกาสที่จะทำร้ายคนอื่นต่อไปได้

- อัณฑะ (Testis) ในผู้ชายอัณฑะถือเป็นจุดอ่อนที่สำคัญมากตำแหน่งหนึ่ง การเตะผ่าหมาก (Kick to the groin) การกระแทกเข่าหรือกำปั่นไปที่ตำแหน่งดังกล่าว จะสามารถสร้างความเจ็บปวดรุนแรงให้กับคนร้ายได้จนไม่สามารถทำร้ายหรือไล่ติดตามเหยื่อต่อไปได้

ทั้งสี่ตำแหน่งนี้ผู้ที่เรียนการป้องกันตัวควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เพราะเป็นจุดที่ง่ายแก่การโจมตีและมีประสิทธิภาพในการหยุดยั้งคนร้าย

มีวิธีในการโจมตีตำแหน่งดังกล่าวหลายวิธี จงเรียนรู้และฝึกฝน (ภายใต้การดูแลของครูฝึกและมีอุปกรณ์ป้องกันการบาดเจ็บจากการฝึกซ้อม) นอกจากสี่จุดดังกล่าวแล้วยังมีอีกหลายตำแหน่งที่สามารถโจมตีได้ โดยอาศัยสรีรวิทยาของมนุษย์เพื่อสร้างความได้เปรียบในการป้องกันตัว

พึงระลึกไว้ด้วยว่าการใช้กำลังตอบโต้นั้นอาจทำให้คนร้ายบาดเจ็บอย่างรุนแรงจนถึงเสียชีวิตได้ เราควรมองเห็นคุณค่าในตัวเราเองก่อนว่ามีค่ามากกว่าคนร้าย และเราควรต้องปกป้องตัวเองไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม

จงจำไว้ว่าการป้องกันตัวในสถานการณ์จริงนั้น “ไม่ใช่กีฬา” ไม่มี “กรรมการ” มาคอยห้าม ไม่มีคำว่า “ผิดกติกา” เราต้อง “ทำทุกอย่าง” เพื่อให้รอดพ้นจากภัยคุกคาม

สุดท้ายนี้ขอให้ตั้ง “สติ” ทุกครั้งเมื่อเผชิญเหตุ และขอให้ “พลังจงอยู่กับท่าน”

เรียบเรียงโดย Batman
 

Samsung LCD televisions