Friday, December 31, 2010

No Fair Fight

No Fair Fight



ในสภาพการต่อสู้ป้องกันตัวบนท้องถนน (Street fighting) หรือการก่ออาชญากรรมโดยใช้กำลัง ไม่มีคำว่า การต่อสู้อย่างยุติธรรม (No Fair Fight) คนร้ายทุกคนต่างพยายามสร้างความได้เปรียบให้กับตัวเองเสมอ


คนร้ายเมื่อเลือกเหยื่อก็จะเลือกบุคคลที่อ่อนแอกว่าตน เช่น ผู้หญิง เด็ก ผู้สูงอายุ หรือคนซึ่งมีร่างกายแข็งแรงน้อยกว่าตัวเอง คนร้ายอาจอาศัยพวกที่มากกว่าในการก่อเหตุ หรือใช้อาวุธที่เหนือกว่าเหยื่อ เป็นการสร้างความได้เปรียบในทุกรูปแบบเพื่อเพิ่มโอกาสสำเร็จในการก่อเหตุ


ดังนั้นจงตระหนักไว้ว่าเมื่อเราตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมความรุนแรง เป็นไปได้สูงที่คนร้ายจะมีความได้เปรียบเราในด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายด้าน เช่น สภาพร่างกายที่แข็งแรงกว่า มีอาวุธ หรือ มีพวกมากกว่า


มีหลักการป้องกันตัวที่สำคัญอย่างหนึ่งซึ่งควรใส่ใจไว้เสมอ เมื่อจำเป็นต้องใช้กำลังในการแก้ไขภัยคุกคามร้ายแรง


- ถ้าเป็นไปได้ให้ใช้อาวุธที่ “เหนือกว่า” คนร้ายเสมอ เช่น ถ้าคนร้ายไม่มีอาวุธ หากเรามีอาวุธก็จะเพิ่มโอกาสรอดได้มากขึ้น เราจึงควรมองหาสิ่งของรอบตัวซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นอาวุธได้ หากคนร้ายมีมีด เราก็ควรหาอาวุธที่สร้างความได้เปรียบ เช่น ไม้ยาว เก้าอี้ ปืน เป็นต้น หากคนร้ายมีปืนพก แต่เรามีปืนลูกซองก็จะได้เปรียบทันที


- ถ้าไม่มีอาวุธที่เหนือกว่าคนร้าย อย่างน้อยก็ควรเป็นอาวุธที่ “ทัดเทียมกัน” เช่น ถ้าคนร้ายมีไม้ยาว เราก็ควรมีไม้ยาวด้วย ถ้าคนร้ายมีปืนพก อย่างน้อยเราก็ควรมีปืนพกพร้อมใช้งานเช่นกัน หากคนร้ายมีมีดอย่างน้อยเราก็ควรมีมีดอยู่ด้วย


- ถ้าคนร้ายมีอาวุธแต่เราไม่มีอาวุธที่ดีกว่าหรือทัดเทียมกัน ก็ต้องอาศัยทักษะการป้องกันตัวด้วยอาวุธที่ด้อยกว่าเท่าที่จะหาได้หรือด้วยมือเปล่า (Hand to hand combat) หากเราฝึกฝนมาก็จะเพิ่มโอกาสรอดมากกว่าคนซึ่งไม่มีความรู้ด้านนี้ เช่น หากคนร้ายมีปืนหรือไม้ยาวแต่เรามีมีด ถ้าเรารู้จักการใช้มีดอย่างถูกต้องในการป้องกันตัวก็จะเพิ่มโอกาสรอดได้มากขึ้น ยิ่งเรามีทักษะการป้องกันตัวด้วยแล้วจะลดความได้เปรียบของคนร้ายลง


ในการป้องกันตัวนั้นให้ตั้งเป้าหมายไว้ที่การเอาตัวรอดปลอดภัยหรือบาดเจ็บน้อยที่สุด มากกว่าที่จะพยายามเอาชนะคู่ต่อสู้หรือคนร้ายโดยการพิชิตเขาให้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะยิ่งการต่อสู้ยาวนานขึ้นเท่าไร ตัวเราเองยิ่งตกอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น จึงควรรีบถอยห่างออกจากสถานการณ์ร้ายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้


สุดท้ายนี้ขอให้ตั้ง “สติ” ทุกครั้งเมื่อเผชิญเหตุ และขอให้ “พลังจงอยู่กับท่าน”


เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากหลักสูตร Kapap ของ Avi Nardia

Friday, December 24, 2010

(ห่าง) บ้าน (ให้) ปลอดภัย

(ห่าง) บ้าน (ให้) ปลอดภัย



ผมให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของบ้านเป็นอันดับแรก เพราะกำแพงบ้านเป็นปราการด่านสุดท้ายที่จะกั้นคุณจากผู้ไม่ประสงค์ดีไม่ให้เข้ามาทำร้ายคุณได้ โดยแนะนำให้คุณปรับปรุงบ้านให้พร้อมรับมือกับการรุกรานทุกรูปแบบ แต่ยังมีคำถามหนึ่งซึ่งสำคัญมากนั้นก็คือ “ทำอย่างไรดีถ้าต้องทิ้งบ้านไปหลายวัน”


ทั้งนี้เพราะตามปกติเราทุกคนก็มักออกจากบ้านไปทำงานในช่วงกลางวันหรือกลางคืนเป็นประจำซึ่งก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆ หากมีสมาชิกในครอบครัวคนอื่นคอยดูแลบ้านแทนคุณก็จะดีอย่างมาก แต่เมื่อคุณทั้งครอบครัวต้องทิ้งบ้านไปหลายวัน ช่วงเวลาที่เนิ่นนานทำให้คนร้ายมีเวลาเหลือเฟือที่จะหาหนทางบุกรุกบ้านคุณ ดังนั้นวิธีป้องกันบ้านในช่วงที่คุณไม่อยู่จึงต้อง “ไม่ธรรมดา”


เมื่อคุณต้องพาครอบครัวทิ้งบ้านไปหลายวัน แนวทางปฏิบัติเพื่อคุ้มครองบ้าน คือ “อย่าให้ใครรู้” โดย


1. คุณควรบอกงดรับหนังสือพิมพ์รายวัน, นมขวด หรือยาคูล ฯลฯ เป็นการชั่วคราว หนังสือพิมพ์ที่กองอยู่เต็มกล่องรับเอกสารหน้าบ้าน จะฟ้องคนร้ายว่าคุณไม่อยู่ แต่ถ้าคุณสนิทกับเพื่อนบ้านที่ประตูติดกัน คุณอาจขอให้เขาเดินมาหยิบเอกสารหรือเครื่องอุปโภค บริโภคที่มาส่งประจำวันไปเก็บไว้แทนคุณก็ได้


2. ถ้าคุณมีเครื่องตอบรับโทรศัพท์ในบ้าน อย่าบันทึกข้อความประมาณว่า “ขณะนี้ผมพาครอบครัวไปพักผ่อนต่างประเทศ โปรดฝากเบอร์โทรไว้อาทิตย์หน้าผมจะกลับมา” แต่ให้ใช้ข้อความดังนี้ “ขณะนี้ผมยังรับสายไม่ได้ โปรดฝากข้อความไว้อีกสักครู่จะโทรกลับไป”


3. หาซื้อเครื่องตั้งเวลาเปิดปิดไฟอัตโนมัติ เอาชนิดที่ตั้งเวลาเปิดปิดไฟได้เป็นช่วงๆเพื่อมาตั้งเวลาเปิดไฟหน้าบ้าน ทีวี ไฟห้องนอน ตามเวลาที่คุณเคยปฏิบัติ อย่างนี้อาจเปลืองไฟบ้าง แต่มั่นใจได้ว่าไม่มีใครรู้ว่าคุณไม่อยู่บ้าน

4. ถ้าประตูรั้วกับประตูบ้านไม่ห่างกันมากหรือคุณอยู่ในอาคารชุดที่ประตูห้องอยู่ติดๆกัน คุณควรหารองเท้าผู้ชายมาวางไว้หน้าประตูบ้าน (ขอเพื่อนหรือหาซื้อเก็บไว้) ประหนึ่งว่าคุณมีผู้ชายอยู่ในบ้าน กรณีนี้ใช้ได้ทั้งเวลาที่คุณไม่อยู่หรืออยู่บ้านคนเดียว แต่ต้องการสร้างภาพว่ามีผู้ชายอยู่ด้วย


5. อย่าล็อคกุญแจหน้าบ้านจากด้านนอก เพราะมันฟ้องคนร้ายว่าคุณไม่อยู่บ้านหากคุณอยู่บ้านเดี่ยว ควรล็อคกุญแจหน้าบ้านจากด้านในแล้วออกจากบ้านทางประตูหลัง ถึงคุณจะคล้องกุญแจด้านนอกก็ไม่มีคนเห็น แล้วคุณก็ออกจากบ้านทางประตูรั้วโดยไม่คล้องกุญแจด้านนอกของประตูเช่นเคย อย่างนี้คนร้ายดูจากด้านนอกรั้วก็ไม่รู้ว่าคุณไม่อยู่ แต่ในกรณีที่คุณอยู่อาคารชุด ควรใช้กุญแจแบบไขเข้าที่แข็งแรงมากๆโดยไม่ต้องติดสายยูคล้องกุญแจเพิ่มภายนอก อย่าลืมว่ากุญแจแข็งแรงแค่ไหนก็กันคนร้ายไม่ได้ ถ้าเขารู้ว่าคุณไม่อยู่และเขามีเวลามากพอ


6. หากคุณคิดจะใช้บริการ “ฝากบ้านกับตำรวจ” ที่กำลังโปรโมทกันขณะนี้ ก็ขอให้ฉุกคิดสักนิดว่าเหตุใดจึงทำให้คุณลืมผู้ช่วยที่ดีที่สุดไปเสียได้ นั่นคือ เพื่อนบ้านรั้วติดกันนั่นไง เพื่อนบ้านที่ล้อมรอบตัวคุณอยู่จะเป็นหูเป็นตาคอยดูแลบ้านให้คุณอย่างดีที่สุด ก่อนออกเดินทางคุณก็แจ้งให้เพื่อนบ้านให้รู้ ยืนยันกับเขาว่าคุณไม่ได้สั่งให้ใครมาจัดการย้ายของ ซ่อมบ้านหรือจัดการอะไรเกี่ยวกับบ้านทั้งนั้น ให้เขาช่วยมองดูบ้านคุณคนละเล็กละน้อย ดีกว่าแจ้งตำรวจให้วนมาดูแค่วันละครั้ง สองครั้ง แต่ถ้าคุณพบว่าตัวเองไม่สนิทสนมกับใครพอจะไหว้วานได้ ก็ควรเริ่มผูกสัมพันธ์เอาไว้ได้แล้ว เรื่องน่าเสียใจกว่าการสูญเสียทรัพย์สินก็คือ การไม่มีเพื่อนบ้านนี่แหละ


“มิตรสหายที่ห้อมล้อมคุณจะเป็นปราการป้องกันภัยที่มั่นคงกว่ากำแพงอิฐปูนที่มนุษย์ทุกคนสร้างขึ้นมากักขังตัวเองมากนัก”


เรียบเรียงโดย Snap shot

Friday, December 17, 2010

Expandable Baton

Expandable Baton



กระบองสั้น หรือ ดิ้ว หรือ Baton หรือ Truncheon โดยปกติหมายถึง กระบองยาวน้อยกว่าหนึ่งช่วงแขน ซึ่งทำมาจากวัสดุหลายอย่าง เช่น ไม้ พลาสติก โลหะ ยาง เป็นต้น มักใช้ในกลุ่มผู้รักษากฎหมาย ผู้รักษาความปลอดภัย ทหาร ในการป้องกันตัวด้วยอาวุธที่มีอันตรายถึงแก่ชีวิตน้อย (Less lethal weapons)


Baton นอกจากใช้ในการป้องกันตัวหรือต่อสู้กับคนร้ายแล้ว ในหลายครั้งถูกใช้เพื่อกระแทกกระจกให้แตก แล้วพาผู้ประสบภัยหลบหนีออกจากอาคารหรือรถยนต์ที่มีเพลิงไหม้


ในยุโรปมีการใช้กระบองสั้นเป็นอาวุธประจำกายอย่างเป็นทางการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงลอนดอนเมื่อ ค.ศ. 1848 ขณะนั้นเรียกว่า Billy clubs ทำมาจากไม้ ต่อมามีการใช้วัสดุสังเคราะห์ในการผลิต โดยมักมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.25 นิ้ว ยาวประมาณ 18 ถึง 36 นิ้ว เซาะร่องทำด้ามจับเพื่อให้ถือถนัดมือ Baton ที่มีลักษณะยาวกว่านี้มักใช้ในการควบคุมฝูงชน เรียกว่า Riot batons


จนกระทั้งช่วงต้นปี ค.ศ. 1990s ตำรวจอังกฤษก็เปลี่ยนมาใช้ กระบองสั้นที่มีด้ามจับยื่นออกมาด้านข้าง ที่เรียกว่า Side-handle batons หรือ T-baton หรือ Nightsticks หรือใช้กระบองสั้นที่ยืดหดได้ ที่เรียกว่า Expandable batons หรือ Collapsible batons


Side-handle batons ได้รับอิทธิพลมาจาก Tonfa ของญี่ปุ่นที่เรียกว่า Okinawan kobudo weapon ปกติแล้วด้ามจับจะยื่นตั้งฉากออกมาห่างจากปลายด้านหนึ่งประมาณ 6 นิ้ว โดยส่วนด้ามยาวที่เหลือจะยาวประมาณ 24 นิ้ว วิธีการใช้ก็คล้ายกับ Tonfa แต่ปกติ Tonfa จะใช้สองอัน ส่วน Side-handle batons จะใช้อันเดียว


Side-handle batons ในปัจจุบันมีการผลิตทั้งที่ส่วนด้ามยาวของกระบองยืดหดได้กับแบบตายตัว และทำจากวัสดุหลายชนิด เช่น ไม้, Polycarbonate, Epoxy และ อลูมิเนี่ยม เป็นต้น ส่วนของด้ามจับที่ยื่นออกมาบางรุ่นสามารถถอดออกได้จึงสะดวกในการพกพามากขึ้น แต่ความแข็งแรงก็ด้อยลงและเสียเวลาในการประกอบ


ข้อดีของการใช้ Side-handle batons เมื่อเทียบกับกระบองสั้นแบบตรง (a straight baton) ทั่วไป คือ มีวิธีการใช้งานที่หลากหลายกว่า เป็นการยากกว่าที่จะถูกปลดกระบองออกจากมือผู้ใช้ เมื่อกระบองตกพื้นส่วนของด้ามจับที่ยื่นออกมาจะช่วยป้องกันไม่ให้กระบองกลิ้งไปไกลออกห่างตัว ผู้เชี่ยวชาญบางท่านคิดว่า Side-handle batons ให้แรงตีที่รุนแรงกว่ากระสั้นแบบตรงทั่วไป อีกทั้งใช้ในการป้องกันและรุกไล่ได้ดีกว่าด้วย


ข้อเสียของการใช้ Side-handle batons ก็เช่น ต้องการการฝึกฝนมากกว่าการใช้กระบองสั้นแบบตรง น้ำหนักมากกว่า พกซ้อนได้ยากกว่า ถ้าจะถือใช้งานแบบกระบองสั้นทั่วไปก็อาจมีประสิทธิภาพด้อยกว่า เป็นต้น


Expandable baton มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น collapsible baton, telescopic baton, tactical baton, spring cosh, extendo เป็นต้น ประกอบด้วยท่อโลหะกลม 3 ถึง 4 ท่อ (แล้วแต่การออกแบบ แต่ส่วนใหญ่เป็น 3 ท่อ) ซึ่งซ้อนกันอยู่สามารถยืดหดได้คล้ายกล้องส่องทางไกลแบบตาเดียวของชาวตะวันตก โดยปลายกระบองจะมีปุ่มโลหะแข็ง (Tip) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ให้แรงปะทะสูงสุด


ปัจจุบันยี่ห้อซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดของ Expandable baton คือ ASP (Armament Systems and Procedures) มีการทำซองใส่ Expandable baton สำหรับเหน็บเอวเพื่อการใช้งานประจำวัน เป็นซองซึ่งออกแบบให้สามารถเหน็บได้แม้ยังไม่หดกระบองกลับเข้าด้าม


Expandable baton มีกลไกการเปิดใหญ่ๆอยู่ 2 รูปแบบ คือ โดยการใช้แรงสะบัดของข้อมือในการเหวี่ยงยืดกระบองออก แล้วล็อกด้วยความฝืด (Friction) เวลาปิดก็ต้องเอาปุ่มปลายกระบอง (Tip) กระแทกพื้นหรือวัตถุแข็งอย่างแรงเพื่อหดกระบองกลับเข้าด้าม อีกรูปแบบหนึ่งใช้การกดปุ่มที่ด้ามเพื่อยืดกระบองออก เวลาปิดก็กดปุ่มแล้วใช้มือดันกระบองหดกลับ (ใช้แรงน้อยกว่าการกระแทกพื้นมาก)


คุณภาพของ Expandable baton ขึ้นกับวัสดุที่ใช้ทำกระบอง ระบบล็อกที่เชื่อถือได้ ความยาวของกระบอง


ข้อดีของ Expandable baton เมื่อเทียบกับกระบองสั้นแบบตรงทั่วไป คือ ความสะดวกในการพกพาหรือพกซ่อน เพราะเมื่อหดกระบองแล้วจะเหลือความยาวประมาณ 6 ถึง 10 นิ้ว เท่านั้นเอง มีผลทางจิตวิทยาเมื่อเห็นหรือได้ยินเสียงการสะบัดเปิดกระบองอย่างรวดเร็วเป็นการข่มขวัญคนร้าย นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าการพก Expandable baton ให้บรรยากาศที่เป็นมิตรมากกว่าการพกกระบองสั้นแบบตรงทั่วไป อีกทั้งสามารถใช้กระบองได้ทั้งขณะหดและยืด (กระบองที่ยังหดอยู่อาจใช้ในระยะประชิดมากๆ เมื่อยืดออกก็เพิ่มระยะการโจมตีออกไป)


ข้อเสียของ Expandable baton อาทิเช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนเชื่อว่าการพกกระบองสั้นแบบตรงทั่วไปทำให้เขาดูมีอำนาจมากกว่า ทำให้ผู้ต้องสงสัยหรือคนร้ายเชื้อฟังคำสั่งมากขึ้น กระบองสั้นแบบตรงทั่วไปมักราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับขนาดและวัสดุแบบเดียวกัน ในการใช้งานอย่างฉับพลันแล้วกระบองสั้นแบบตรงทั่วไปจะพร้อมใช้งานมากกว่าเพราะไม่ต้องเสียเวลายืดกระบองออกมาก่อน ในสถานการณ์ที่ต้องการความเงียบการสะบัดเปิดกระบองหรือกดปุ่มเปิดกระบองจะทำให้เกิดเสียงบ่งบอกตำแหน่งของเราออกไป


ประโยชน์หลักๆของกระบองสั้นไม่ว่าจะเป็นแบบใดมี 3 ประการ คือ ป้องกันการโจมตี (Defense), การบุกโจมตี (Offense) และการช่วยควบคุมคนร้าย (Control)


ในปัจจุบันมีการออกแบบและพัฒนาวัสดุที่ใช้ทำ Expandable baton อย่างหลากหลาย และมีอุปกรณ์เสริมให้เลือกใช้มากขึ้น โดย ASP ซึ่งเป็นผู้นำในระบบล็อกแบบ Friction มีความยาวให้เลือกใช้ 3 ขนาด คือ 16 นิ้ว, 21 นิ้ว (นิยมมากที่สุด) และ 26 นิ้ว (แต่ก่อนมีขนาด 31 นิ้ว แต่เลิกผลิตไปแล้ว) อีกยี่ห้อหนึ่งซึ่งเป็นผู้นำในระบบล็อกที่ใช้กลไกซับซ้อน คือ Monadnock เช่น รุ่น PR 24 expandable batons, AutoLock batons ซึ่งมีหลายความยาวให้เลือกใช้ เช่น 16 นิ้ว, 18 นิ้ว, 21 นิ้ว, 22 นิ้ว และ 26 นิ้ว เป็นต้น


โดยส่วนตัวแล้วควรเลือกรุ่นที่มีน้ำหนักเบา เช่น Airweight ของ ASP (น้ำหนักเบากว่ารุ่นซึ่งทำจากเหล็กทั่วไปประมาณ 45 เปอร์เซ็นต์) ถึงแม้ความแข็งแรงคงทนอาจด้อยกว่าบ้าง แต่สะดวกในการพกพาและใช้งานโดยเฉพาะผู้หญิง (แนะนำให้ใช้ความยาว 16 นิ้ว เนื่องจากผู้หญิงไทยตัวเล็ก กระบองขนาดสั้นลงจะพกพาง่ายขึ้นและน้ำหนักเบากว่าขนาดอื่น แต่ไม่ควรใช้ยาวเกิน 21 นิ้ว) สำหรับผู้ชายแล้วกระบองยาว 21 หรือ 26 นิ้วใช้ได้ทั้งสิ้น


สำหรับประชาชนทั่วไป Expandable baton ซึ่งพกซ่อนหรือพกติดตัวได้ง่าย หากรู้วิธีใช้อย่างถูกต้องจะสามารถใช้ในการป้องกันตัวจากภัยคุกคามร้ายแรงได้อย่างดี และเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งซึ่งผู้หญิงตัวเล็กๆสามารถใช้ป้องกันตัวเองจากภัยคุกคามในสังคมได้


เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจาก ASP, Monadnock, Wikipedia

Saturday, December 11, 2010

สายล่อฟ้า

สายล่อฟ้า



การป้องกันตัวในระบบของ Thai self-defense นั้นแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ คือ


1. ระยะประชิด คือ ระยะที่ใกล้ขนาดโอบกอดฉุดรั้งจับมือถือแขน ซึ่งเป็นระยะที่อันตรายสำหรับมือใหม่ทั่วไป แต่ไม่อันตรายที่สุดหากไม่มีอาวุธเข้ามาเกี่ยวข้อง


2. ระยะใกล้ คือ ระยะที่ห่างกันประมาณช่วงแขน เป็นระยะที่คนร้ายใช้อาวุธมีด ปืน จี้บังคับ ระยะนี้อันตรายเพิ่มขึ้น แต่ยังพอป้องกันตัวได้เพราะคนร้ายยังไม่มีเจตนาทำร้ายคุกคามทันที


3. ระยะกลาง คือ ถอยห่างออกมาอีกเล็กน้อย ประมาณ 1 เมตร แต่อันตรายสุดๆ เพราะเป็นระยะที่คนร้ายใช้หมัด เท้า ชก ต่อยหรือเตะคุณได้ รามทั้งใช้อาวุธมีด ไม้ ดาบ โจมตีคุณ ที่อันตรายคือ ความเร็วและแรงของการโจมตี แต่ยังพอมีวิธีป้องกันได้


4. ระยะไกล คือ ระยะจาก 1 เมตรออกไปจนไม่สิ้นสุด อันตรายถึงเลือดเนื้อน้อยกว่าแต่ป้องกันได้ยาก เพราะเราไม่รู้ว่าคนร้ายจะเล่นงานมาจากทิศไหน นี่หมายถึงกรณีที่คนร้ายใช้ปืนหรืออาวุธขว้างอื่นๆ เล่นงานเราจากระยะที่เราเอื้อมไม่ถึงหรือมองไม่เห็น อีกกรณีหนึ่งคือ คนที่หวังร้ายกับเราแต่ไม่เล่นงานเราโดยตรง กลับใช้ช่องทางสื่อสารที่มีอยู่มากมายในปัจจุบันติดต่อหลอกลวงเราสารพัดวิธี ทำให้เราสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง หรือหากเป็นผู้หญิงก็อาจต้องเสียเนื้อเสียตัว เพราะถูกหลอกลวงโดยคนที่รู้จักกันในอินเตอร์เนต บ้างก็บุกรุกเข้าบ้านของเราทางจุดอ่อนต่างๆดังที่ได้เขียนไว้ในบทความเรื่อง “บ้านปลอดภัย” ก่อนหน้านี้ แต่กรณีที่อันตรายที่สุดเพราะผลของมันอาจทำลายได้ทั้งชีวิตให้ย่อยยับลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ ขณะเดียวกันก็ป้องกันได้ยากที่สุด เพราะผลร้ายนี้ไม่ได้มาจากคนร้ายหรือศัตรูของเรา แต่มาจากคนประเภทหนึ่งที่ผมขอเรียกว่า “สายล่อฟ้า”


คุณเคยเจอบุคคลเหล่านี้หรือไม่ คนซึ่งมีอะไรหลายอย่างที่เราไม่มี เช่น ความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมากๆ ความคิดริเริ่มแปลกใหม่ ความกล้าที่จะทำอะไรอย่างบ้าบิ่น อวดอ้างถึงทักษะรอบรู้ไปเสียทุกเรื่อง พร้อมที่จะตัดสินใจและเป็นผู้นำในทุกกิจกรรม ไม่ลังเลที่จะออกหน้าปกป้องใครก็ตามที่เขาต้องการ สิ่งเหล่านี้ทำให้เขามีคนชื่นชมและยึดถือเป็นแบบอย่าง ไว้เนื้อเชื่อใจถือว่าเป็น “เพื่อน” เราพร้อมจะเชื่อทุกอย่างที่เขาพูด ติดตามเขาในทุกกิจกรรมและทำทุกอย่างที่เขาทำหรือชักชวนให้เราทำ แม้หลายครั้งมันจะขัดกับคำตักเตือน คำสั่งสอนของพ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ หรือขัดกับวิจารณญาณ และมโนธรรมของเรา แต่เราก็พร้อมจะฝ่าฝืนโดยไม่ระแวงเลยว่าเรากำลังยืนอยู่ใกล้ “สายล่อฟ้า” ที่อาจชักนำอันตรายร้ายแรงมาสู่ตัวเราอย่างไม่ตั้งใจ


พวก “สายล่อฟ้า” นั้นส่วนมากก็มีอะไรดีๆอยู่ไม่น้อย ไม่เช่นนั้นคุณคงไม่ปลื้มหรอก และสิ่งเหล่านี้เองที่ผลักดันให้บางคนมีพฤติกรรมที่ “สุดขั้ว” ไปเสียทุกเรื่อง เชื่อมั่นในตัวเองจนไม่ฟังคำทักท้วงของใครเลย มีแนวโน้มที่จะต่อต้านกฎหมายหรือกติกามารยาทในสังคม อาจซุกซ่อนความรุนแรงหรือแนวคิดที่ท้าทายต่อศีลธรรม ทั้งนี้เพื่อปิดบังความผิดพลาดและความอ่อนแอในใจของตน และพยายามคงความเป็นฮีโร่ในสายตาของคนรอบข้าง พฤติกรรมเหล่านี้เองที่ชักนำความขัดแย้ง ความรุนแรงหรือ ปัญหาทางกฎหมายมาให้เหมือน ”สายล่อฟ้า” ที่ชักนำกระแสไฟแรงสูงให้ผ่าลงมาที่จุดนั้น และเมื่อเราวนเวียนอยู่รอบๆคนเหล่านี้ก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย อาจรุนแรงถึงชีวิตหากคุณโชคดีรอดตัวมาได้ มันก็อาจเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล


เมื่อมีคนจำนวนมากกว่าหนึ่งคนมาอยู่รวมกันเพื่อทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจดูไม่มีอะไรเป็นอันตราย แต่ปัญหาคือ เมื่อมีคนมารวมกันเป็นกลุ่มบวกกับหัวหน้ากลุ่มเป็นประเภท “สายล่อฟ้า” ผู้คนทั้งหมดก็ย่อมตกในความเสี่ยงที่จะถูกชักนำให้กระทำการอย่างใดที่หมิ่นเหม่ต่อการใช้ความรุนแรง ล่อแหลมต่อการละเมิดกฎหมาย ฯลฯ คุณอาจคิดว่าตามแห่ไปเท่านั้น แค่สังเกตุการณ์ แต่คู่กรณีหรือตำรวจไม่ได้คิดอย่างนั้นแน่ และคุณเองในขณะที่สถานการณ์ร้อนแรงจนเกินเลย ใครจะบอกได้ว่าคุณจะทำอะไรลงไปบ้าง แต่ที่แน่ๆคุณต้องรับผิดชอบต่อผลของมันร่วมกัน เพราะฉะนั้นเมื่อคุณจะไปรวมกลุ่มกับเพื่อนฝูงเพื่อทำกิจกรรมใดๆ จงตั้งสติให้ดี ถามตัวเองให้แน่ชัดว่าสิ่งที่ทำนั้นขัดกับมโนธรรมหรือสัญชาติญาณระวังภัยของคุณหรือไม่ ใช้จินตนาการวาดภาพดูว่าผลของมันจะเป็นอย่างไร ถ้ารู้สึกว่าเขากำลังชักนำให้คุณลงเหว คุณต้องกล้าที่จะถอนตัวออกมาก่อน อย่าลังเลเป็นอันขาด ไม่มีอะไรจะน่าสมเพชไปกว่าการที่คุณพลอยติดร่างแหต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่คุณไม่ได้ทำหรือไม่อยากทำ แต่ไม่กล้าปฏิเสธตั้งแต่แรก


“มีสติรู้ตัว คือ เกราะป้องกันตัวที่ดีที่สุด”


เรียบเรียงโดย Snap shot

Friday, December 3, 2010

Post-incident Planning

Post-incident Planning



ในการป้องกันตัวนั้นมีการเตรียมตัวหรือแผนที่จะต้องคิดใหญ่ๆอยู่ 3 ประการ คือ ก่อนเกิดเรื่อง (Pre-incident Planning) ขณะเกิดเรื่อง (Incident Planning) และ หลังเกิดเรื่อง (Post-incident Planning)


การเกิดเรื่องราวกับบุคคลอื่น (Incident) นั้นจะรวมไปถึงการโต้เถียงขัดแย้งอย่างรุนแรงโดยไม่มีการใช้กำลังไปจนถึงการต่อสู้ด้วยความรุนแรง (Fighting) ซึ่งการเตรียมตัวก่อนเกิดเรื่องจะเน้นไปที่การป้องกันหรือหลีกเลี่ยงภัยคุกคามไม่ให้เกิดกับตนเอง หรือมีความขัดแย้งเล็กน้อยเกิดขึ้นก็พยายามไม่ให้ลุกลามไปเป็นความขัดแย้งที่รุนแรง


ส่วนการเตรียมตัวขณะเกิดเรื่องนั้นหากมีความขัดแย้งรุนแรงก็พยายามไม่ให้ลุกลามไปจนถึงขั้นการใช้กำลัง พยายามทำให้สถานการณ์บรรเทาลงด้วยวิธีการต่างๆ แต่หากมีการต่อสู้ใช้กำลังเกิดขึ้นเราก็ต้องมีแผนในการรับมือให้เหมาะสมกับสถานการณ์ รู้ว่าจะต้องตอบโต้หรือป้องกันตัวเองอย่างไรเพื่อพาตนเองออกมาจากเหตุการณ์ร้ายนั้นได้อย่างปลอดภัย เป็นต้น


การเตรียมตัวหลังเกิดเรื่อง (Post-incident Planning) เมื่อการโต้เถียงรุนแรงหรือการต่อสู้สิ้นสุดลง หากคุณเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ มีหลักการที่ควรปฏิบัติดังนี้


- หากคุณอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบก็จงอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะแน่ใจว่าภัยคุกคามนั้นจะไม่สามารถตอบโต้กลับมาได้


- อย่าหันหลังให้กับภัยคุกคามในขณะที่คุณกำลังถอยห่างออกมา


- อย่าลดมือที่ใช้ป้องกันตัว (Guard) ลง จนกว่าจะออกมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยแล้ว


- เมื่ออยู่ในพื้นที่ปลอดภัยให้โทรบอกบุคคลที่เหมาะสมทันที เช่น ตำรวจหรือโรงพยาบาล เป็นต้น


- ตื่นตัวตลอดเวลาอย่างน้อยสองถึงสามวันหลังเหตุการณ์ เพราะภัยคุกคามอาจกลับมาแก้แค้นได้


การใช้กำลังเข้าแก้ไขเหตุการณ์ร้ายขอให้เป็นทางเลือกสุดท้าย แต่หากจำเป็นต้องใช้นอกจากรู้วิธีการป้องกันตัวแล้ว ก็ยังต้องรู้วิธีในการถอยห่างออกจากสถานการณ์นั้นด้วยความ “ไม่ประมาท”


จงจำไว้ว่าภัยคุกคามมักไม่ได้มีแค่คนเดียว (ถึงแม้ว่าเราจะมีเรื่องหรือเห็นคนร้ายแค่หนึ่งคน ก็ต้องคิดว่าอาจมีคนร้ายคนอื่นอีกอยู่ใกล้ๆเสมอ) จึงควรรีบถอยออกจากการต่อสู้ให้เร็วที่สุด หลีกเลี่ยงการต่อสู้บนพื้น (Ground fighting) ซึ่งแตกต่างจากกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสานทั่วไปหรือ MMA (Mixed Martial Arts) เนื่องจากการต่อสู้ในสังเวียนมักจบลงที่การต่อสู้บนพื้น เพราะเขาไม่ต้องกังวลว่าจะมีคู่ต่อสู้คนอื่นจะเข้ามาทำร้ายเขาอีก แต่ในสถานการณ์จริงคนร้ายอาจมีหลายคนเมื่อเรานอนอยู่บนพื้นจะทำให้การเคลื่อนไหวหรือหลบหนีทำได้ยากขึ้นมาก จึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบหากต้องเผชิญกับภัยคุกคามหลายคน


แต่การป้องกันตัวบนพื้น (Self-defense on the ground) ซึ่งอาศัยทักษะของการต่อสู้บนพื้นยังถือว่าสำคัญสำหรับการเรียนรู้การป้องกันตัว เพราะหากเราไม่รู้วิธีแก้ไขสถานการณ์เมื่อถูกทำให้นอนลงกับพื้นเราก็จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที และเหตุการณ์ร้ายๆมักเกิดขึ้นในขณะที่เราถูกทำให้นอนลงบนพื้น เพราะคนร้ายรู้ว่าการเคลื่อนไหวและการตอบโต้ของเราจะถูกจำกัดลงทันที


การเตรียมตัวหลังเหตุการณ์ยังรวมไปถึงการรับมือกับผลกระทบที่ตามมาของเหตุการณ์ด้วย เช่น การขึ้นโรงขึ้นศาล การรักษาพยาบาล วิธีการให้การต่างๆ เป็นการเยียวยาทั้งทางร่างกายและจิตใจ นอกจากนั้นยังรวมไปถึงการหาแนวทางป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ร้ายๆเหล่านี้เกิดขึ้นอีก เป็นต้น


การมี “สติ ความตระหนักรู้ ความไม่ประมาท” เป็นสิ่งสำคัญที่จะนำพาตนให้พ้นภัย โดยอาศัยความรู้และทักษะในการป้องกันตัวเป็นเครื่องมือ


สุดท้ายนี้ขอให้ตั้ง “สติ” ทุกครั้งเมื่อเผชิญเหตุ และขอให้ “พลังจงอยู่กับท่าน”


เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Disengage Safely from the Fight ของ Defense University

Friday, November 26, 2010

Balisong Knife

Balisong Knife



มีดผีเสื้อ หรือ Balisong (บางครั้งเรียกว่า Butterfly knife, Fan knife หรือ Batangas knife) เป็นมีดพกที่มีด้ามมีดสองอันหมุนรอบแกนกลางมีดเพื่อเปิดหรือปิดใบมีด ขณะพับเก็บจะมีด้ามสองอันประกบใบมีดเอาไว้ทั้งสองด้านคล้ายแซนวิช (Sandwich-style butterfly knife)


การควงมีดเพื่อเปิดและปิดใบมีดมีหลายรูปแบบ เรียกการทำเช่นนี้ว่า Flipping หรือ Fanning มีดนี้ใช้กันมากในประเทศฟิลิปปินส์ และกลุ่มคนที่ฝึก Filipino Martial Arts


จุดกำเนิดของมีดชนิดนี้ไม่แน่ชัดนัก บางคนเชื่อว่ามีมานานตั้งแต่ 800 ปีก่อนคริสตกาลเสียอีก ซึ่งใช้เป็นอาวุธที่นิยมมากในแถบนี้


มีด Balisong ถ้าเป็นแบบดั้งเดิม (Traditional) จะทำด้วยมือ เรียกว่า Filipino Handmade (FHM) คุณภาพจึงมีความหลากหลายมาก ถือเป็นมีดพกพาเพื่อใช้งานทั่วไป (Utility knife) แต่ก็สามารถใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวได้เช่นกัน


ในฟิลิปปินส์เองจะเรียกมีดชนิดนี้ว่า Beinte Nueve (ภาษาสเปน แปลว่า 29) ซึ่งมีตำนานเล่าว่า มีนักรบคนหนึ่งใช้มีดนี้สังหารศัตรูได้ถึง 29 คน ในการต่อสู้เพียงครั้งเดียว นอกจากนั้นความยาวมาตรฐานของมีดชนิดนี้ก็ใช้เลข 29 เซ็นติเมตรด้วย มีดแบบนี้คาดว่าอาจเป็นมีดพกชนิดแรกที่เปิดได้ด้วยมือเดียว


ใบมีดส่วนใหญ่จะมีคมด้านเดียว ยกเว้นมีดสมัยใหม่บางรุ่นที่มีคมสองด้าน และมีการออกแบบใบมีดหลากหลาย เป็นหนึ่งในมีดที่มีไว้ใช้งานหรือสะสมสำหรับผู้ชื่นชอบมีดลักษณะนี้


หลังสงครามโลกครั้งที่สองมีด Balisong ได้รับความนิยมในอเมริกามากขึ้น เมื่อทหารอเมริกันถอนกำลังกลับไปจากการสู้รบในแถบนี้จึงนำวัฒนธรรมมีดลักษณะนี้กลับไปด้วย


ในการฝึกใช้มีดชนิดนี้ควรใช้มีดซ้อม (Balisong Trainer) ก่อนเพื่อความปลอดภัย บริษัทมีดชั้นนำทั่วโลกมีการผลิตมีด Balisong ออกมาอย่างต่อเนื่อง


สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับมีดขอให้มี “สติ”


หมายเหตุ Batangas เป็นชื่อจังหวัดหนึ่งในฟิลิปปินส์อยู่ทางตอนใต้ของกรุงมะนิลา คำว่า Balisong และวัฒนธรรมการใช้มีดแบบนี้เชื่อว่าอาจมีต้นกำเนิดมาจากที่นี่


เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Balisong ของ Balisong.net, Balisong history ของ Balisong.com, Wikipedia

Friday, November 19, 2010

ฟันโจร ติดคุกได้

ฟันโจร ติดคุกได้



คดีเจ้าของบ่อปลาดักฟันคอโจรขาดขณะลอดช่องรั้วไม้เข้าไปขโมยปลาในบ่อ ศาลลงโทษจำคุกเจ้าของปลา โจรคนนั้นเคยขโมยปลาไปหลายครั้งแล้ว แต่ขาดหลักฐานจับโจรได้คาตา เจ้าของปลาจึงแค้นใจมากแล้ววางแผนฆ่าโจร หลายคนสงสัยว่าทำไมศาลจึงลงโทษผู้เสียหายทั้งที่เขากระทำต่อโจร เราจะมารู้มุมมองของสายตากฎหมายต่อการกระทำต่อโจรของผู้เสียหายกัน


ความเชื่อที่ผิดพลาดของผู้เสียหายคือ ใช้อาวุธต่อโจร แล้วไม่ติดคุกแน่ ขอให้พึงสังวรไว้ว่า สายตากฎหมายมองผู้ใช้อาวุธเหมือนกันหมด คือ เป็นบุคคลอันตรายและรู้ถึงศักยภาพของอาวุธดี ทุกครั้งที่ใช้อาวุธจักต้องมีความรับผิดชอบเสมอ แม้กฎหมายจะมีข้อยกเว้นไม่ต้องรับโทษสำหรับองค์ประกอบพิเศษเมื่อใช้อาวุธเพื่อป้องกันชีวิตตัวเองก็ตาม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้ตัดสินเป็นหลัก


การป้องกันตัวเองโดยใช้อาวุธนั้น ถ้าไม่เกินสมควรแก่เหตุ กฎหมายถือว่าการกระทำนั้นไม่มีความผิด ก็ไม่ต้องรับโทษ ตัวอย่างเช่น โจรใช้มีดไล่แทงผู้เสียหายซึ่งก็ใช้มีดแทงโจรตาย ถ้าพฤติกรรมประกอบชี้ได้ว่า ผู้เสียหายทำเพื่อป้องกันตัว มิใช่มีแค้นส่วนตัวหรือมีการวางแผนล่วงหน้าอำพรางคดี ก็เรียกได้ว่า การแทงโจรตายเป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุที่จะไม่ถือเป็นความผิดอาญาได้


พฤติการณ์อย่างใดที่มองว่าเป็นการทำพอสมควรแก่เหตุ ไม่มีลักษณะที่ชัดเจน แต่ใช้ข้อเท็จจริงในคดีเป็นหลักพิจารณา อาทิเช่น ผู้เสียหายต่อสู้แย่งมีดจากโจรที่ถือมีดหรือมีปืน แล้วผู้เสียหายแทงโจรตาย 1-2 ครั้งที่ท้องหรือหน้าอก ศาลอาจมองว่าการกระทำนี้ถือเป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นต้น การเทียบอาวุธระหว่างผู้เสียหายกับโจรก็มีส่วนสำคัญในการพิจารณาหาระดับป้องกันตัวหรือไม่ด้วย เช่น โจรมีมีด ผู้เสียหายมีปืนสั้นหรือปืน M16 และยังเคยเข้าคอร์สฝึกยิงปืน เมื่อเจอโจรก็ระดมยิงโจรเป็นสิบนัด ศาลอาจมองว่านี่เป็นการป้องกันตัวที่เกินสมควรแก่เหตุก็ได้ เนื่องจากผู้เสียหายรู้จักควบคุมปืน จึงรู้ว่าน่าจะหยุดโจรด้วยกระสุนกี่นัดและไม่ควรเจาะจงฆ่าโจรด้วยปืน เป็นต้น ในสายตากฎหมายนั้นปืนถือเป็นอาวุธอันตรายสูงสุดเมื่อเทียบกับมีด ดังนั้น คนมีปืนจึงถูกเพ่งเล็งพิเศษ ถ้าใช้เพื่อป้องกันตัว ต้องไม่เน้นการฆ่าให้ตาย แต่ควรทำเพื่อยับยั้งคนร้ายเป็นหลัก จึงถือว่าเป็นการทำพอสมควรแก่เหตุ เช่น ยิงปืนที่แขนขาของโจร เป็นต้น ถ้าใช้มีดเพื่อป้องกันตัวก็ต้องมีพฤติการณ์มองได้ว่าทำเพื่อหยุดยั้งโจร มิได้มุ่งการฆ่า สิ่งใดชี้ให้เห็นเจตนาของผู้ใช้อาวุธ คำตอบคือ กรรมหรือการกระทำบ่งชี้เจตนาได้ชัดเจน ตัวอย่างเช่น ทะเลาะมีปากเสียงกัน ต่อยกันไปทีหนึ่งแล้ว ฝ่ายหนึ่งยังโกรธคาใจอยู่ วิ่งกลับไปเอามีดพร้าที่บ้านแล้วไปแทงคู่ทะเลาะในบ้านของเขา กรณีนี้ไม่สามารถอ้างป้องกันตัวเองได้เพราะไม่ได้ป้องกันตัวขณะเกิดเหตุ แต่มีเวลาวิ่งกลับไปหยิบมีดเพื่อฆ่าเขา จึงผิดฐานเจตนาฆ่าเพื่อน มิใช่ป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย


การกระทำที่พอสมควรแก่เหตุนั้น จะถือว่าไม่มีความผิดทางอาญาทุกข้อหาเพราะกฎหมายเรียกว่าเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ในอีกทางหนึ่งหากกระทำเกินกว่าเหตุ ผู้กระทำต้องมีความผิด แต่ศาลอาจลงโทษน้อยกว่าที่ความผิดนั้นกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ หรือ กรณีศาลเห็นว่าทำเพราะตื่นเต้น ตกใจ หรือ กลัว ศาลจะไม่ลงโทษเลยก็ได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงในคดีและดุลพินิจของผู้ตัดสิน


กรณีทำเกินกว่าเหตุหรือทำด้วยความตื่นเต้น ตกใจ หรือกลัว ยังถือเป็นการกระทำความผิดอาญาอยู่ ถ้าศาลมองว่าเป็นการป้องกันตัว ก็อาจเลือกลงโทษน้อยลงหรือไม่ลงโทษก็ได้ หมายความว่า เป็นผู้กระทำผิดทางอาญา แต่ไม่ต้องรับโทษ ซึ่งแตกต่างจากผู้ที่ป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายที่ถือว่า การกระทำนั้นไม่มีความผิดเลย จึงไม่มีโทษอาญาใด


กรณีเจ้าของบ่อปลาฟันคอโจรขาดคารั้วนั้นเข้ากับกรณีป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ ศาลจึงสั่งลงโทษผู้ใช้มีดให้จำคุกน้อยกว่าที่กฎหมายเจตนาฆ่าคนพึงลงโทษได้ เนื่องจากข้อเท็จจริงในคดีชี้ว่า บ่อปลานี้มีโจรเข้าไปขโมยเป็นประจำและเจ้าของบ่อรู้ดีว่าโจรเข้าทางใด จึงตระเตรียมมีดและไปดักรอที่รั้วนั้น เมื่อโจรโผล่หัวข้ามรั้วเข้าไปเพื่อหวังขโมยปลา เขาใช้มีดตัดคอโจรขาดคารั้วด้วยความแค้นใจ แสดงว่ามีแผนเตรียมฆ่าด้วยอาวุธ แม้ทำเพื่อปกป้องบ่อปลาไว้ แต่เป็นการทำเกินกว่าเหตุที่เป็นความผิดอาญาฐานฆ่าคนโดยเจตนาและต้องรับโทษจำคุก แต่ศาลจะลงโทษน้อยกว่าความผิดฐานฆ่าคนเพียงใดก็ได้ เจ้าของมิได้ทำด้วยความตกใจ ความกลัว หรือความตื่นเต้น จึงไม่อาจรับการยกเว้นโทษตามกฎหมายได้


หากสมมติว่าเจ้าของบ่อปลาวางแผนดักจับโจรด้วยใช้มีดทำร้ายโจรให้บาดเจ็บแล้วจับส่งตำรวจ การตัดสินคดีนี้อาจเปลี่ยนแปลงไปว่า การกระทำของเจ้าของปลาอยู่ในขอบเขตอันควรเมื่อเขาใช้มีดเพื่อป้องกันชีวิตตัวเองและบ่อปลาไว้ จึงไม่ถือว่ามีความผิดฐานทำร้ายโจร ก็ไม่ต้องติดคุกด้วยเข้าการคุ้มครองของกฎหมาย การรู้ขอบเขตความสมควรในการใช้อาวุธก็ให้ผลคุ้มครองชีวิต ทรัพย์สิน โดยกฎหมายได้แล้ว


เหตุยกเว้นไม่ต้องรับโทษด้วยการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายนั้นใช้เป็นข้ออ้างของผู้ใช้อาวุธได้ แต่จำต้องรู้จักควบคุมหนักเบาของการใช้อาวุธให้เหมาะสมและใช้อย่างมีสติ อีกทั้งต้องจำไว้ว่า การได้รับผลคุ้มครองจากกฎหมายข้อนี้ต้องมาจากความสุจริตใจของผู้ใช้และดุลพินิจของผู้ตัดสินว่าเห็นพ้องกับข้ออ้างและหลักฐานด้วย เคยมีตัวอย่างของนักแม่นปืนระดับเข้าแข่งเอเชียนเกมส์ยิงโจรที่เข้าบ้าน แต่ระดมยิงตายไปกว่า 10 นัด อ้างว่ายิงด้วยความตกใจสุดขีด ผู้ตัดสินไม่เห็นพ้องและมองว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุและผู้ใช้อาวุธมีความรู้และผ่านการฝึกใช้ปืนมาอย่างดีย่อมไม่มีทางขาดสติได้เพียงนั้น จึงสั่งลงโทษจำคุกเขา


เมื่ออยากมีอาวุธในครอบครองไม่ว่าปืนหรือมีด ต้องมีสติติดกายตลอดเวลา รู้จักควบคุมอาวุธ ความหนักเบาของการใช้อาวุธส่งผลต่อความรับผิดชอบทางกฎหมาย จงเตือนตนไว้ว่าทุกครั้งที่ใช้อาวุธ ผู้ใช้ต้องรับผิดชอบทางกฎหมายทั้งอาญาและแพ่งเสมอ ทางอาญาคือ จำคุก ประหารชีวิต ทางแพ่ง คือ ชดใช้เงินให้ครอบครัวผู้เสียหายที่ตายหรือบาดเจ็บ ผู้มีอาวุธต้องเป็นผู้ควบคุมมัน มิใช่แค่คนถืออาวุธเท่านั้น


เรียบเรียงโดย Black Cuff

Friday, November 12, 2010

Kukri Knife

Kukri Knife



มีดประจำชาติเนปาลที่มีชื่อเสียงเนื่องจากเป็นอาวุธประจำกายของทหารกูรข่า (Gurkha soldier) อันเลื่องชื่อนั้นก็คือ มีด Kukri หรือ Khukuri


มีด Kukri มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในช่วงสงครามขยายอณานิคมของอังกฤษในปี ค.ศ. 1814 มีดชนิดนี้มีรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ นอกจากใช้เป็นมีดอเนกประสงค์ (Utility knife) เพื่อใช้งานในชีวิตประจำวันโดยเฉพาะในเขตป่าเขาแล้ว ยังใช้เป็นมีดต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย (Combat knife)


ความกล้าหารของทหารกูรข่าในการต่อสู้กับทหารอังกฤษร่วมกับมีด Kukri เป็นที่เลื่องลือ จนหลังจากอังกฤษเข้ายึดครองเนปาลได้สำเร็จก็จัดตั้งหน่วยทหารกล้าตายซึ่งฝึกใช้มีด Kukri ขึ้น


มีด Kukri เป็นมีดขนาดกลาง ด้ามจับทำจากไม้ Walnut ที่ชื่อ Sattisaal (ไม้พื้นเมืองในประเทศเนปาล) Kukri มีการพัฒนาต่อเนื่องจากอดีตจนถึงปัจจุบันทำให้วัสดุและวิธีการผลิตที่ดีขึ้นมีความแข็งแรงมากขึ้น


ปกติมีด Kukri จะมีมีดเล็กๆอีกสองเล่มพกไว้ในซองมีด เล่มแรกคือ Chakmak เป็นมีดสำหรับรับคมมีด Kukri โดย Chakmak เป็นมีดไม่มีคม และอีกเล่มคือ Karda เป็นมีดอเนกประสงค์ขนาดเล็กมีคมด้านเดียว รูปร่างของมีด Kukri อาจมีความแตกต่างกันได้เล็กน้อยตามแต่ละท้องถิ่นของเนปาล


ใบมีดบริเวณใกล้ด้ามจะมีร่องเว้าเล็กๆ (Kukri notch) เรียกว่า Cho หรือ Kaudi รอยเว้านี้ช่วยให้เลือดหรือของเหลวจากใบมีดไม่ไหลลงมาที่ด้ามจับ และยังมีประโยชน์ในการรับมีดด้วย Chakmak ให้หยุดที่ตำแหน่งนี้ (รับคมเริ่มจากปลายใบมีดลงมาโคนมีด) นอกจากนั้นรอยเว้านี้มีรูปร่างเป็นสัญลักษณ์หนึ่งในศาสนาฮินดูจึงมีความหมายในเชิงจิตวิญญาณด้วย ในขณะต่อสู้ประชิดตัวอาจใช้ร่องเว้านี้ในการจับยึดหรือหยุดมีดของฝ่ายศัตรูได้ บริเวณปลายด้ามมีด (Butt) สามารถใช้กระแทกได้ (Impact weapon)


ปลอกมีดทำจากหนังควายให้ความคงทนในการใช้งานมีช่องสำหรับใส่มีดเล็กทั้งสองและห่วงคล่องสายคาดเอว ถ้าเป็นปลอกในยุกค์แรกๆจะมีกระเป๋าเล็กๆที่เรียกว่า Khalti สำหรับใส่หินเหล็กไฟเพื่อใช้จุดไฟยามต้องดำรงชีพในป่า แต่ในช่วงสงครามคริสต์ศตวรรษที่ 19 จนถึงต้น 20 ทั้ง Karda, Chakmak และ Khalti ถูกตัดทิ้งไป มาจนถึงช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 จึงมีการนำ Karda และ Chakmak กลับมาใหม่เพื่อการอนุรักษ์แต่ยังคงตัด Khalti ออกไป


มีด Kukri ในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19 จะยาวและโค้งกว่ามีดในปัจจุบันเล็กน้อย แต่มีดที่ใช้ในกองทัพมีรูปร่างที่ไม่แตกต่างกันมากนัก


เมื่อพิจารณามีด Kukri และมีดเหน็บไทยจะพบว่ามีลักษณะคล้ายกันในหลายมิติถึงแม้จะมีแหล่งกำเนิดต่างที่กัน เนื่องจากเป็นมีดที่มีพื้นฐานเพื่อการดำรงชีพตามภูมิปัญญาชาวบ้านเช่นกัน มีดลักษณะนี้เหมาะแก่การบุกป่าฝ่าดงดำรงชีพในเขตป่าเขา นอกจากนั้นก็สามารถใช้เป็นอาวุธในการป้องกันตัวจากสัตว์ร้ายและภัยคุกคามจากผู้รุกรานได้ด้วย


การถือมีด Kukri มีสองแบบคือ Hammer และ Saber grip ปัจจุบันยังมีกองกำลังกูรข่าที่ยังฝึกใช้มีดแบบนี้อยู่ และบริษัทผลิตมีดที่มีชื่อเสียงทั่วโลกต่างก็ผลิตมีดชนิดนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง


สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับมีดขอให้มี “สติ”


เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Kukri Info ของ Khukuri house

การฝึกอบรม SELF-DEFENSE WITH A KNIFE

การฝึกอบรม SELF-DEFENSE WITH A KNIFE



เปิดรับการฝึกอบรมการป้องกันตัวด้วยอาวุธ “มีด” สำหรับประชาชนทั่วไป


จุดประสงค์ เพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะการป้องกันตัวด้วยอาวุธ “มีด” ให้กับประชาชนทั่วไป


เนื้อหาการฝึกอบรม (การบรรยายและปฏิบัติ)


- หลักการป้องกันตัวและการประเมินสถานการณ์

- ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอาวุธมีด


- การถือมีด (Knife griping) ท่าเตรียมพร้อม (Fighting stance)


- พื้นฐานรูปแบบและทิศทางการโจมตีด้วยมีด (Basic patterns and directions of knife attack)


- การเคลื่อนที่ (Footwork)


- กลยุทธ์การป้องกันตัวด้วยมีด (Strategy of self-defense with a knife)


- การฝึกซ้อมการป้องกันตัวด้วยมีด (Knife sparring and drill)


ระยะเวลาการฝึกอบรม วันจันทร์ - พฤหัส เวลา 18.00 - 20.00 น., วันศุกร์ - วันเสาร์ เวลา 13.00 - 20.00 น., วันอาทิตย์ เวลา 16.00 – 20.00น.(จะโทรยืนยันวันฝึกที่แน่นอนอีกครั้ง)


ผู้รับการฝึกอบรม หญิงหรือชาย อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป (ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ต้องมีผู้ปกครองยินยอม) รับจำนวนจำกัด


สถานที่ ห้อง 512 ชั้น 5 บ้านราชา เลขที่ 88/8 ถนน อ่อนนุช-ลาดกระบัง ซอย 14/1 แยก ราชา 3 แขวง ราชาเทวะ อ. บางพลี จ. สมุทรปราการ (ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ) มีที่จอดรถ


แผนที่


GPS N 13-42-936, E 100-42-953


ค่าฝึกอบรม 600 บาท/ช.ม./ท่าน (เรียนส่วนตัว), 500 บาท/ช.ม./ท่าน (เรียนกลุ่มย่อยตั้งแต่ 2 ท่านขึ้นไป)


การแต่งกาย เสื้อยืด กางเกงวอร์ม หรือ แต่งกายรัดกุม


อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย แว่นตานิรภัย (ถ้ามี), มีดซ้อม (ถ้ามี), Arm guard (ถ้ามี), ถุงมือ (ถ้ามี)


เอกสารประกอบการสมัคร ใบสมัคร, สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 1 ใบ, ใบยินยอมจากผู้ปกครอง (ในกรณีผู้รับการฝึกอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์)


ครูฝึก ครู วีระ (Batman)


ติดต่อ ครู วีระ (Batman) โทร. 081-666-0266, Fax. 02-349-6207


e-mail : thaiselfdefense@gmail.com



www.thaiselfdefense.com

การฝึกอบรม THAI SELF-DEFENSE WEEK 1 # 2

การฝึกอบรม THAI SELF-DEFENSE WEEK 1 # 2



เปิดรับการฝึกอบรม “สัปดาห์การป้องกันตัวสำหรับประชาชนทั่วไป ระดับ 1 ครั้งที่ 2”


จุดประสงค์ เพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะการป้องกันตัวในสถานการณ์วิกฤติให้กับประชาชนทั่วไป


เนื้อหาการฝึกอบรม (การบรรยายและปฏิบัติ)


- หลักการป้องกันตัวและการประเมินสถานการณ์


- ความรู้พื้นฐานการป้องกันตัวด้วย “มือเปล่า”


- ความรู้พื้นฐานการป้องกันตัวด้วย “อาวุธมีด”


เวลาการฝึกอบรม วันเสาร์ที่ 20 พ.ย. 2553 เวลา 9.00 – 16.00 น. (2 คาบๆละ 3 ช.ม.)


ผู้รับการฝึกอบรม หญิงหรือชาย อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป (ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ต้องมีผู้ปกครองยินยอม) ไม่มีโรคประจำตัวซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการฝึกอบรม (รับจำนวนจำกัด ไม่เกิน 14 ท่าน)


สถานที่ ชั้น 3 ร้านขอขวัญ เลขที่ 102/24 ซอย พัฒนาการ 58 เยื้อง ร.ร. เตรียมพัฒนาการ เขต สวนหลวง กรุงเทพฯ 10250


แผนที่


GPS N 13-43-832, E 100-38-871


ค่าฝึกอบรม (โอนเงินหรือชำระที่ศูนย์ฝึกล่วงหน้า) 1500 บาท/ท่าน (รวมค่าอาหารกลางวัน)


สิ้นสุดวันรับสมัคร 15 พ.ย. 2553


การแต่งกาย เสื้อยืด กางเกงวอร์ม หรือ แต่งกายรัดกุม


เอกสารประกอบการสมัคร สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 1 ใบ, ใบยินยอมจากผู้ปกครอง (ในกรณีผู้รับการฝึกอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์)


ครูฝึก ครู วีระ (Batman), ครู เจี๊ยบ, ครู เดช (Snap shot)


ติดต่อ ครู วีระ (Batman) โทร. 081-666-0266, Fax. 02-349-6207


e-mail : thaiselfdefense@gmail.com


www.thaiselfdefense.com
 

Samsung LCD televisions