Friday, August 13, 2010

มีด มีด มีด ทำไมต้องมีด

มีด มีด มีด ทำไมต้องมีด



ผู้ที่ติดตามอ่านบทความใน Thai self-defense เป็นประจำคงพอทราบได้ว่า เราให้ความสำคัญกับการใช้อาวุธมีดเพื่อป้องกันตัวเป็นพิเศษ ซึ่งหลายท่านที่เคยฝึกศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวระบบต่างๆ อาจนึกว่าทาง Thai self-defense พยายามโน้มน้าวจิตใจของผู้อ่านให้กระด้าง โหดร้ายจนถึงกับใช้อาวุธที่อันตรายกับผู้ที่มาคุกคามเราทั้งๆที่มีวิธีอื่นซึ่งนุ่มนวลกว่า ผมขอเรียนว่า Thai self-defense ยังคงยืนยันหลักการในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับผู้คุกคามเสมอ แต่ในกรณีที่สถานการณ์บังคับจนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แล้ว เราอยากเตือนให้คุณประเมินความสามารถของตัวเอง เปรียบเทียบกับเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นตรงหน้า เพราะอันตรายที่คุกคามอาจรุนแรงถึงชีวิตอีกทั้งอาจส่งผลกระทบต่อทุกคนที่คุณรักและคนที่คุณมีหน้าที่ต้องดูแล ดังนั้นการแก้ไขสถานการณ์จึงต้องทำทุกวิธีที่อาจเพิ่มทางรอดให้กับคุณ


เมื่อพูดถึงการป้องกันตัวต้องถามตัวเองว่า คุณจะป้องกันตัวจากใคร สมมุติคุณเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง (ซึ่งนับเป็นเหยื่อยอดนิยมของอาชญากรส่วนใหญ่) บุคคลที่คุณอาจต้องต่อสู้ด้วย คือ


1. ผู้หญิงที่ไม่มีทักษะการต่อสู้


2. ผู้ชายที่ไม่มีทักษะการต่อสู้


3. หญิงหรือชายที่มีทักษะการต่อสู้


4. หญิงหรือชายที่มีร่างกายใหญ่โตกว่าคุณ


5. คู่ต่อสู้มือเปล่าหลายคน


6. คู่ต่อสู้ที่ใช้อาวุธไม้ท่อน


7. คู่ต่อสู้ที่มีมีด


8. คู่ต่อสู้ที่มีปืน


9. คู่ต่อสู้หลายคนที่มีอาวุธมีด ไม้


ในการประเมินผลแพ้ชนะของการต่อสู้ใดๆก็ตาม เราจะมองที่ความได้เปรียบเสียเปรียบของแต่ละฝ่าย ซึ่งผู้ที่ได้เปรียบมักได้รับชัยชนะ ลองมาดูกันว่าคุณมีต้นทุนอะไรบ้าง


ตามหลักเกณฑ์ทั่วๆไป หากคุณฝึกศิลปะการต่อสู้ (Martial Arts) ไม่ว่าจะเป็นระบบใดก็ตามอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลา 4 ปี ก็น่าจะได้สายดำอันเป็นระดับที่ยอมรับกันว่า “ใช้ได้” ซึ่งในระดับนี้คุณน่าจะได้เปรียบผู้หญิงและผู้ชายทั่วไปซึ่งเป็นการต่อสู้บนเบาะในโรงฝึก หรือในการแข่งขัน Martial Arts ที่มีกฎกติกา แต่หากคุณพบคนร้ายที่เป็นชายบนท้องถนนคุณจะเริ่มเสียเปรียบทันที หรือกับหญิงและชายที่มีทักษะการต่อสู้คุณจะยิ่งเสียเปรียบ อีกทั้งหญิงหรือชายที่ตัวใหญ่กว่าคุณมากๆด้วย รวมทั้งคู่ต่อสู้หลายคนรุมเล่นงานหรือคนร้ายซึ่งมีอาวุธมีด ไม้ คุณก็มีโอกาสแพ้มากขึ้น


หลังจากฝึกต่อเนื่องกันถึง 4 ปี คุณมีโอกาสชนะเพียงหญิงทั่วไปที่ไม่ได้ฝึกอะไรมาเท่านั้น แต่หากคุณมีเครื่องทุ่นแรงหรือฝึกใช้อุปกรณ์การป้องกันตัวอย่างอื่นด้วย คุณจะมีโอกาสเอาตัวรอดมากขึ้น แต่ปัญหาของเครื่องทุ่นแรงเหล่านี้ เช่น ดาบ ไม้พลอง กระบองสั้น กระบองสองท่อน คือ มันมีขนาดที่ไม่อาจพกพาติดตัวไปได้สะดวกนัก


หากคุณพกอาวุธปืนก็มีข้อเสียหลายอย่าง อาทิเช่น มีราคาสูงและค่าปรับ (ในกรณีตำรวจตรวจพบ) ที่แพงมาก มีเรื่องยุ่งยากทางกฎหมายตามมามากมาย อีกทั้งค่ากระสุนซ้อมและค่าเรียนยิงปืนให้ชำนาญ จึงมีไม่กี่คนที่จะซื้อหามาใช้ป้องกันตัวได้


ยังมีอีกทางเลือกหนึ่ง คือ มีดพก ซึ่งราคาไม่แพงนัก ขนาดกระทัดรัด สามารถพกพาได้สะดวก หากคุณเลือกเรียนรู้ฝึกฝนการใช้มีดกับผู้ชำนาญโดยตรงสัก 2 – 3 เดือน เมื่อคุณชักมีดมาถือในมือ คุณจะได้เปรียบหญิงหรือชายทั่วไปอย่างแน่นอน และอาจจะได้เปรียบผู้ที่มีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หากคุณฝึกต่อเนื่องกันสัก 10 - 12 เดือน ด้วยท่าจับถือมีดที่มั่นใจ จะทำให้คนที่ตัวใหญ่กว่าคุณมากๆรู้สึกไม่ปลอดภัยทันที รวมทั้งคู่ต่อสู้มือเปล่าที่มีจำนวนมากกว่าคุณด้วย


ส่วนคู่ต่อสู้ที่มีมีดด้วยกัน คุณก็อาจจะป้องกันตัวได้อย่างสูสี หากคุณไม่ลืมเทคนิคเบื้องต้นคุณก็อาจจะเอาตัวรอดได้ ส่วนคู่ต่อสู้ที่มีไม้และปืนก็ขึ้นอยู่กับว่าตลอด 12 เดือนที่ได้ฝึกฝนมา คุณมีความใส่ใจกับการเรียนแค่ไหนหากอาศัยสติและเทคนิคที่เหมาะสม คุณก็มีเปอร์เซ็นต์รอดสูงขึ้น การฝึกมีดจะไม่ทำให้คุณกลายเป็นบุคคลที่เก่งกาจไม่มีใครเทียบ แต่ผมเชื่อว่าการฝึกและใช้มีดเป็นเครื่องมือช่วยในการป้องกันตัว จะทำให้จำนวนผู้ที่อาจเล่นงานคุณได้จากการต่อสู้บนท้องถนนลดลงไปพอสมควร เมื่อรวมกับมีดที่มีขนาดกระทัดรัดและเวลาฝึกฝนที่ไม่นานเกินไป ทางเลือกนี้จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแน่นอน


“คุณเลือกคู่ต่อสู้ไม่ได้ แต่คุณเลือกวิธีที่จะต่อสู้เอาตัวรอดได้”


เรียบเรียงโดย Snap shot
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความของ Mr. Randy Hodges (a qualified AMOK! Instructor in Thailand)


AMOK! เป็นระบบต่อสู้ด้วยมีดซึ่งมีการสอนกันทั่วโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศอัฟริกาใต้

No comments:

 

Samsung LCD televisions