Saturday, December 11, 2010

สายล่อฟ้า

สายล่อฟ้า



การป้องกันตัวในระบบของ Thai self-defense นั้นแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ คือ


1. ระยะประชิด คือ ระยะที่ใกล้ขนาดโอบกอดฉุดรั้งจับมือถือแขน ซึ่งเป็นระยะที่อันตรายสำหรับมือใหม่ทั่วไป แต่ไม่อันตรายที่สุดหากไม่มีอาวุธเข้ามาเกี่ยวข้อง


2. ระยะใกล้ คือ ระยะที่ห่างกันประมาณช่วงแขน เป็นระยะที่คนร้ายใช้อาวุธมีด ปืน จี้บังคับ ระยะนี้อันตรายเพิ่มขึ้น แต่ยังพอป้องกันตัวได้เพราะคนร้ายยังไม่มีเจตนาทำร้ายคุกคามทันที


3. ระยะกลาง คือ ถอยห่างออกมาอีกเล็กน้อย ประมาณ 1 เมตร แต่อันตรายสุดๆ เพราะเป็นระยะที่คนร้ายใช้หมัด เท้า ชก ต่อยหรือเตะคุณได้ รามทั้งใช้อาวุธมีด ไม้ ดาบ โจมตีคุณ ที่อันตรายคือ ความเร็วและแรงของการโจมตี แต่ยังพอมีวิธีป้องกันได้


4. ระยะไกล คือ ระยะจาก 1 เมตรออกไปจนไม่สิ้นสุด อันตรายถึงเลือดเนื้อน้อยกว่าแต่ป้องกันได้ยาก เพราะเราไม่รู้ว่าคนร้ายจะเล่นงานมาจากทิศไหน นี่หมายถึงกรณีที่คนร้ายใช้ปืนหรืออาวุธขว้างอื่นๆ เล่นงานเราจากระยะที่เราเอื้อมไม่ถึงหรือมองไม่เห็น อีกกรณีหนึ่งคือ คนที่หวังร้ายกับเราแต่ไม่เล่นงานเราโดยตรง กลับใช้ช่องทางสื่อสารที่มีอยู่มากมายในปัจจุบันติดต่อหลอกลวงเราสารพัดวิธี ทำให้เราสูญเสียทรัพย์สินเงินทอง หรือหากเป็นผู้หญิงก็อาจต้องเสียเนื้อเสียตัว เพราะถูกหลอกลวงโดยคนที่รู้จักกันในอินเตอร์เนต บ้างก็บุกรุกเข้าบ้านของเราทางจุดอ่อนต่างๆดังที่ได้เขียนไว้ในบทความเรื่อง “บ้านปลอดภัย” ก่อนหน้านี้ แต่กรณีที่อันตรายที่สุดเพราะผลของมันอาจทำลายได้ทั้งชีวิตให้ย่อยยับลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ ขณะเดียวกันก็ป้องกันได้ยากที่สุด เพราะผลร้ายนี้ไม่ได้มาจากคนร้ายหรือศัตรูของเรา แต่มาจากคนประเภทหนึ่งที่ผมขอเรียกว่า “สายล่อฟ้า”


คุณเคยเจอบุคคลเหล่านี้หรือไม่ คนซึ่งมีอะไรหลายอย่างที่เราไม่มี เช่น ความเชื่อมั่นในตัวเองสูงมากๆ ความคิดริเริ่มแปลกใหม่ ความกล้าที่จะทำอะไรอย่างบ้าบิ่น อวดอ้างถึงทักษะรอบรู้ไปเสียทุกเรื่อง พร้อมที่จะตัดสินใจและเป็นผู้นำในทุกกิจกรรม ไม่ลังเลที่จะออกหน้าปกป้องใครก็ตามที่เขาต้องการ สิ่งเหล่านี้ทำให้เขามีคนชื่นชมและยึดถือเป็นแบบอย่าง ไว้เนื้อเชื่อใจถือว่าเป็น “เพื่อน” เราพร้อมจะเชื่อทุกอย่างที่เขาพูด ติดตามเขาในทุกกิจกรรมและทำทุกอย่างที่เขาทำหรือชักชวนให้เราทำ แม้หลายครั้งมันจะขัดกับคำตักเตือน คำสั่งสอนของพ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ หรือขัดกับวิจารณญาณ และมโนธรรมของเรา แต่เราก็พร้อมจะฝ่าฝืนโดยไม่ระแวงเลยว่าเรากำลังยืนอยู่ใกล้ “สายล่อฟ้า” ที่อาจชักนำอันตรายร้ายแรงมาสู่ตัวเราอย่างไม่ตั้งใจ


พวก “สายล่อฟ้า” นั้นส่วนมากก็มีอะไรดีๆอยู่ไม่น้อย ไม่เช่นนั้นคุณคงไม่ปลื้มหรอก และสิ่งเหล่านี้เองที่ผลักดันให้บางคนมีพฤติกรรมที่ “สุดขั้ว” ไปเสียทุกเรื่อง เชื่อมั่นในตัวเองจนไม่ฟังคำทักท้วงของใครเลย มีแนวโน้มที่จะต่อต้านกฎหมายหรือกติกามารยาทในสังคม อาจซุกซ่อนความรุนแรงหรือแนวคิดที่ท้าทายต่อศีลธรรม ทั้งนี้เพื่อปิดบังความผิดพลาดและความอ่อนแอในใจของตน และพยายามคงความเป็นฮีโร่ในสายตาของคนรอบข้าง พฤติกรรมเหล่านี้เองที่ชักนำความขัดแย้ง ความรุนแรงหรือ ปัญหาทางกฎหมายมาให้เหมือน ”สายล่อฟ้า” ที่ชักนำกระแสไฟแรงสูงให้ผ่าลงมาที่จุดนั้น และเมื่อเราวนเวียนอยู่รอบๆคนเหล่านี้ก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย อาจรุนแรงถึงชีวิตหากคุณโชคดีรอดตัวมาได้ มันก็อาจเปลี่ยนชีวิตคุณไปตลอดกาล


เมื่อมีคนจำนวนมากกว่าหนึ่งคนมาอยู่รวมกันเพื่อทำกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งอาจดูไม่มีอะไรเป็นอันตราย แต่ปัญหาคือ เมื่อมีคนมารวมกันเป็นกลุ่มบวกกับหัวหน้ากลุ่มเป็นประเภท “สายล่อฟ้า” ผู้คนทั้งหมดก็ย่อมตกในความเสี่ยงที่จะถูกชักนำให้กระทำการอย่างใดที่หมิ่นเหม่ต่อการใช้ความรุนแรง ล่อแหลมต่อการละเมิดกฎหมาย ฯลฯ คุณอาจคิดว่าตามแห่ไปเท่านั้น แค่สังเกตุการณ์ แต่คู่กรณีหรือตำรวจไม่ได้คิดอย่างนั้นแน่ และคุณเองในขณะที่สถานการณ์ร้อนแรงจนเกินเลย ใครจะบอกได้ว่าคุณจะทำอะไรลงไปบ้าง แต่ที่แน่ๆคุณต้องรับผิดชอบต่อผลของมันร่วมกัน เพราะฉะนั้นเมื่อคุณจะไปรวมกลุ่มกับเพื่อนฝูงเพื่อทำกิจกรรมใดๆ จงตั้งสติให้ดี ถามตัวเองให้แน่ชัดว่าสิ่งที่ทำนั้นขัดกับมโนธรรมหรือสัญชาติญาณระวังภัยของคุณหรือไม่ ใช้จินตนาการวาดภาพดูว่าผลของมันจะเป็นอย่างไร ถ้ารู้สึกว่าเขากำลังชักนำให้คุณลงเหว คุณต้องกล้าที่จะถอนตัวออกมาก่อน อย่าลังเลเป็นอันขาด ไม่มีอะไรจะน่าสมเพชไปกว่าการที่คุณพลอยติดร่างแหต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่คุณไม่ได้ทำหรือไม่อยากทำ แต่ไม่กล้าปฏิเสธตั้งแต่แรก


“มีสติรู้ตัว คือ เกราะป้องกันตัวที่ดีที่สุด”


เรียบเรียงโดย Snap shot

No comments:

 

Samsung LCD televisions