Tuesday, March 2, 2010

Shouting as a weapon

Shouting as a weapon



ควรเรียนรู้ที่จะใช้ “พลังเสียง” ของเราให้เป็นประโยชน์ในการป้องกันตัว เช่น การตวาดเสียงดังว่า “หยุด!” “อย่า!” “ไม่!” “ออกไป!” “อย่าเข้ามา!” จะมีประโยชน์มาก


การตวาดเสียงดัง(Shouting) หรือการร้องตะโกนเสียงดัง (Yell) อาจชะงักคนร้ายได้ชั่วขณะแต่มักได้ผลเพียงครั้งแรกเท่านั้น เป็นการซื้อเวลาให้เราได้หาทางหนีทีไล่ นอกจากนั้นหากทำร่วมกับการโจมตีคนร้ายมันอาจช่วยเพิ่มพลังในการจู่โจมได้ด้วย เป็นการกระตุ้นทั้งร่างกายและจิตใจ (จะเห็นได้ว่าในศิลปะการต่อสู้หลายประเภท บางครั้งเราต้องเปล่งเสียงตะโกนออกมาเพื่อเพิ่มพลังในการโจมตีคู่ต่อสู้)


แตกต่างจากการกรีดร้อง (Screaming) ซึ่งเสียงถูกเปล่งออกจากลำคอ เป็นสิ่งบ่งบอก “ความกลัว” ซึ่งไม่มีประโยชน์แต่อย่างใด ขณะที่การตวาดเสียงดังนั้นพลังเสียงมาจากกระบังลมจึงต้องใช้กล้ามเนื้อท้องช่วย ซึ่งท้องถือเป็นจุดศูนย์รวมของพลังในร่างกาย


การร้องตะโกนหรือการตวาดเสียงดังอาจทำให้คนร้ายรู้สึกประหลาดใจและกลัวว่าจะมีคนอื่นมาช่วยเหลือเหยื่อเพราะเสียงดังกล่าว


จากสถิติพบว่า 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ของผู้ที่รอดจากการถูกทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงเกิดจากการใช้พลังเสียงดังกล่าวช่วยด้วย


การร้องตะโกนว่า “ช่วยด้วยๆ!” หรือ “ไฟไหม้ๆ!” อาจเรียกร้องความสนใจได้บ้าง แต่หากตะโกนว่า “ฉันถูกทำร้าย ช่วยเรียกตำรวจที!” อาจได้รับความสนใจมากกว่า


การสร้างความประหลาดใจให้กับภัยคุกคามถือเป็นหลักการเอาตัวรอดที่สำคัญอย่างหนึ่ง การใช้เสียงก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถสร้างความประหลาดใจได้ เพราะโดยทั่วไปคนร้ายมักเลือกเหยื่อที่ดูอ่อนแอ ไม่คาดคิดว่าจะมีการตอบโต้กลับมาได้


การใช้เสียงนั้นต้องดูจังหวะดีๆ ในกรณีที่คนร้ายมีอาวุธมาด้วยการใช้เสียงก็ต้องระวังมากขึ้นเพราะคนร้ายอาจใช้อาวุธของตน แต่ถ้าคนร้ายยังไม่ได้แสดงอาวุธการที่เราพูดคุยกับคนร้ายด้วยน้ำเสียงที่สงบ จะเป็นเครื่องช่วยบอกกับคนร้ายว่าเขาไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธ และเมื่อมีโอกาสก็จงสร้าง “ความประหลาดใจให้กับภัยคุกคาม” เสีย


สุดท้ายนี้ขอให้ตั้ง “สติ” ทุกครั้งเมื่อเผชิญเหตุ และขอให้ “พลังจงอยู่กับท่าน”

เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Yell and Shout Your Voice As a Weapon ของ Womens self defense instructions online

No comments:

 

Samsung LCD televisions