สัญญาณภัย! ต้องมี Reaction ทันที
ผมก้าวเท้าช้าๆไปบนทางเดินแคบๆในสวนหลังบ้าน มือถือถาดวางแก้วน้ำไว้เต็ม ผมจะเอาแก้วน้ำทั้งหมดไปล้างในครัว จากปลายหางตาผมเห็นอะไรบางอย่างแวววาวอยู่บนพื้นหญ้าข้างทาง พอก้มมองพบว่าเป็นเศษแก้วแตกที่อวดคมสะท้อนแสงแดดอยู่ ผมก้าวข้ามไปรีบเดินไปในครัวทำธุระจนเสร็จแล้วเดินกลับมาตั้งใจจะหยิบเศษแก้วไปทิ้งก่อนที่ใครจะมาเหยียบมันเข้า เมื่อถึงบริเวณเดิมอีกครั้งผมกลับมองไม่เห็นมัน ผมเดินวนเวียนอยู่แถวนั้นตาก็สอดส่ายไปทั่ว เจอแล้ว! มันอยู่ใต้ฝ่าเท้าผมนี่เอง ผมเหยียบมันเข้าอย่างจัง
นงนุด (นามสมมุติ) เฝ้าครุ่นคิดถึงผลการประชุมที่เพิ่งผ่านมา ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในที่ประชุมรบกวนจิตใจเธอไม่หยุด เธอทำให้ใครบางคนเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาล แต่เธอก็ต้องทำเพราะมันเป็นผลประโยชน์ของเธอเหมือนกัน “รู้สึกเขาจะไม่พอใจมากนะครับ ที่ถูกหักหน้าขนาดนั้น ต่อไปเราคงต้องระวังตัวกันมากขึ้น” คนขับรถกล่าว นงนุด ขมวดคิ้ว “เหลวไหลน่า ทำธุรกิจก็ต้องมีได้ มีเสีย เขาคงไม่ถึงกับมาทำอะไรเราเพราะเรื่องแค่นี้หรอก” รถจอดที่หน้าบ้านพอดี คนขับออกจากรถเดินไปเปิดประตูบ้าน นงนุด ถอนหายใจ เอนตัวพิงเบาะ รู้สึกผ่อนคลาย ทันใดนั้น ปัง! ปัง! ปัง! (หนังสือพิมพ์พาดหัว นงนุดถูกยิงตาย ตร.คาดปมสังหารจากขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ)
สมศักดิ์ รู้สึกรำคาญกับเสียงดังรบกวนมาตั้งแต่เช้า ต้นเสียงมาจากช่วงล่างด้านซ้ายของรถที่ขับอยู่ รู้สึกมีอะไรเสียดสีกันอยู่ตลอดเวลา ความจริงเสียงผิดปกตินี้เป็นมาหลายวันแล้ว สมศัดดิ์ตั้งใจว่าจะเอารถเข้าอู่ให้ช่างตรวจดูหน่อย แต่หาจังหวะไม่ได้เสียทีจนเมื่อเช้าเสียงนี้ก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เลิกงานจะกลับบ้านแล้ว “เอาเถอะพรุ่งนี้เช้าจะเอารถเข้าอู่แน่ๆ” สมศักดิ์คิดในใจ หลังตอกบัตรลงเวลาออกงาน ขณะขับรถกลับเสียงดัง เอียด... โครม!
สมศักดิ์บอกกับช่างว่า “อยู่ดีๆรถก็เบรกไม่อยู่ ทำให้เกิดอุบัติเหตุอย่างไม่คาดฝัน” ช่างมองดูด้านหน้ารถที่พังยับเพราะไถลไปชนท้ายรถกระบะเนื่องจากผ้าเบรคค้างเสียดสีกับดุมล้ออย่างต่อเนื่องจนผ้าเบรคไหม้ ความร้อนทำให้น้ำมันเบรกรั่วออกมาอย่างรวดเร็วจนถึงขั้นทำให้ระบบเบรกทำงานไม่ได้ ประเมินค่าซ่อมทั้งหมดนับแสนบาท
ทั้ง 3 เรื่องที่ยกตัวอย่างมานี้ เคยเกิดขึ้นจริงในอดีตและกำลังเกิดในปัจจุบันรวมทั้งจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต ตราบใดที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังดำเนินชีวิตด้วยความประมาทและไม่ดำรงสติ ไม่สำนึกถึงภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเอง ทั้งจากอุบัติเหตุและจากความจงใจของบุคคลอื่นที่เสียผลประโยชน์เนื่องจากเรา หรือผู้คนอื่นๆที่ต้องการผลประโยชน์จากเรา
เรื่องแรกเป็นเรื่องของผมเองที่รับสัญญาณเตือนจากการสังเกตเห็นเศษแก้วชิ้นนั้นตั้งแต่แรก แต่ผมเลือกที่จะเดินผ่านไปก่อน เพราะขี้เกียจวางถาดในมือแล้วผมก็เดินกลับมาเหยียบมันเสียเอง เรื่องที่สองเป็นเรื่องของคนที่แขวนชีวิตอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว เพราะที่ผ่านมาเป็นฝ่ายกระทำต่อผู้อื่นโดยไม่มีการตอบโต้ ก็ย่ามใจคิดว่าสิ่งที่ตัวทำต่อผู้อื่นเป็นเรื่องเล็กน้อยและชอบธรรม เมื่อร่ำรวยขึ้นมาก็คิดว่าตนนั้นมีรากฐานที่มั่นคงไม่มีอะไรจะสั่นคลอนได้ แม้มีสัญญาณภัยดังเตือนมาก็ละเลยเสียด้วยความประมาท เรื่องที่สามสาเหตุเกิดจากเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้านาน แต่เพราะความบกพร่องนั้นไม่ส่งผลเสียทันทีรถก็ยังวิ่งได้ ก็เลยไม่ให้ความสำคัญกับปัญหา ผัดผ่อนไปเรื่อยๆ ปัญหาก็สะสมมากขึ้นจนถึงขั้นแตกหัก ความเสียหายก็มากมายมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ
การฝึกศิลปะการต่อสู้จนถึงขั้นใช้งานได้นั้นใช้เวลาไม่น้อย แต่ไม่มีประโยชน์เลยหากเราประมาทจนปล่อยให้คนร้ายมีโอกาสเข้าประชิดตัวหรือลอบเข้าเล่นงานเราได้ก่อน ดังนั้นการฝึกอ่านสัญญาณภัยที่ร้องเตือนหรือฝึกสัญชาติญาณระวังภัยอย่างรอบคอบ ควรถูกเลือกเป็นอันดับแรกที่จะเรียนรู้ก่อน เพราะถ้าเรารับรู้ถึงภัยอันตรายก่อน ก็หลีกเลี่ยง แก้ไขได้ก่อน ไม่ต้องเสี่ยงต่อสู้ ซึ่งมีโอกาสรอดแค่ 50 : 50 เท่านั้น
เรียบเรียงโดย Snap shot
No comments:
Post a Comment