พกอาวุธในที่สาธารณะ
ประมวลกฎหมายอาญา หมวดลหุโทษ มาตรา 371 บัญญัติว่า ผู้ใดพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือไม่มีเหตุสมควร หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริง หรือการอื่นใด มีโทษปรับไม่เกิน 100 บาท และให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบอาวุธ
อีกมาตราหนึ่งคือ มาตรา 379 บัญญัติว่า ผู้ใดชักหรือแสดงอาวุธในการวิวาทต่อสู้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 วัน หรือปรับไม่เกิน 500 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
หลายคนมีความกังวลสงสัยว่า มีด ดิ้ว ท่อนไม้ จะพกพาไปนอกบ้านได้หรือไม่ ด้วยเกรงว่าตำรวจจะจับฐานพกอาวุธและติดคุก จากหลักกฎหมายข้างต้นเป็นบทความผิดและใช้ลงโทษประชาชนที่พกอาวุธไปในที่สาธารณะโดยไม่จำกัดว่าบุคคลนั้นจะมีใบอนุญาตหรือไม่ คำว่า อาวุธ คือ อาวุธโดยสภาพและโดยธรรมชาติ มีด ดิ้ว ปืน ถือว่าเป็นอาวุธโดยสภาพเพราะมีการจัดสร้าง ตกแต่ง ดัดแปลงให้ทำหน้าที่เป็นอาวุธชัดเจน ส่วนอาวุธโดยธรรมชาติ คือ สภาพการใช้งานหรือรูปร่างใช้เยี่ยงอาวุธได้ เช่น กิ่งมะม่วง ไม้ทีของนักเรียนอาชีวะ ขาโต๊ะ ที่เขี่ยบุหรี่ เป็นต้น สิ่งที่สร้างปัญหาเวลาพกพาไปนอกบ้าน คือ อาวุธโดยสภาพ ซึ่งแยกยากว่าพกไปด้วยเจตนาทำร้ายคนอื่นหรือเพื่อป้องกันตัวเอง
หลักกฎหมายข้างต้นเขียนขึ้นเพื่อควบคุมประชาชนมิให้พกพาอาวุธเข้าเมืองหรือในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร องค์ประกอบเรื่องอาวุธนั้นรวมทั้งอาวุธโดยสภาพและโดยธรรมชาติ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของตำรวจในเวลาที่พบสิ่งของนั้น การพกปืนไปนอกบ้านในที่สาธารณะแม้มีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง ถ้าไร้เหตุผลอันสมควร ตำรวจอาจแจ้งข้อหาทั้งสองมาตราหรือมาตรหนึ่งในสองก็ได้ ถ้าไม่เชื่อเหตุผลอันควรของท่านหรือเพื่อป้องกันอันตรายให้มวลชน การพกปืนอย่างเปิดเผย เช่น เสียบปืนที่เอวเดินกร่างทั่วเมืองหรือเข้าไปในงานศพ งานรื่นเริง และอื่นๆ อาจโดนโทษปรับก็ได้ และที่น่าสังเกตคือ ความผิดข้อหามาตรานี้ศาลอาจใช้ดุลพินิจสั่งริบอาวุธก็ได้
ดิ้ว เป็นอาวุธโดยสภาพเพราะมีการสร้างสรรค์รูปร่างและวิธีใช้เพื่อการต่อสู้ จึงมองเป็นอาวุธเช่นเดียวกับมีดหรือปืน อีกทั้งไม่ต้องมีใบอนุญาตด้วย เมื่อมีสภาพเป็นอาวุธ จึงอาจถูกดำเนินคดี หากพกไปในที่สาธารณะโดยเปิดเผย ไปในงานรื่นเริงต่างๆ ตำรวจอาจมองผู้พกดิ้วเป็นคนพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรก็ได้ เช่น พก เสียบ หรือถือไว้แล้วเดินออกนอกบ้าน ก็ใช้ดุลพินิจให้มีความผิดตามมาตรา 371 ซึ่งทำให้ศาลอาจริบดิ้วได้
คำว่า ดุลพินิจ คือ ความเห็นของเจ้าหน้าที่บนพื้นฐาน ความรู้ ประสบการณ์ ที่กฎหมายให้ผู้นั้นตัดสินข้อกล่าวหาดังกล่าวได้ ตำรวจจึงมีอำนาจเต็มที่ในการใช้ดุลพินิจว่าเห็นด้วยหรือไม่เชื่อเหตุผลของผู้พกอาวุธ ก็จะมีความผิดและถูกลงโทษได้ ผู้ที่มีความจำเป็นต้องพกอาวุธออกนอกบ้านจำต้องศึกษาหาความรู้กันว่า ตำรวจเห็นพฤติกรรมอย่างไรที่ถือเป็นเหตุสมควรพกสิ่งนั้นออกไปในที่สาธารณะได้ อาทิเช่น วิธีปลดปืนและกระสุนแยกจากกันแล้วนำไปไว้ในที่หยิบยาก การพกซ่อนมีดหรือดิ้วแล้วหยิบยากขึ้น และหลายวิธี ทั้งนี้เพื่อแสดงเจตนาว่าท่านมีความสุจริตใจในการพกอาวุธในที่สาธารณะมิใช่เพื่อต้องการทำร้ายบุคคลใดอย่างแท้จริง เหตุจำเป็นที่ตำรวจยอมรับฟังและยอมให้พกอาวุธออกนอกบ้านได้ก็ต้องศึกษากันไว้
กรณีมีการวิวาทต่อสู้กันถ้าบุคคลใดชักหรือแสดงอาวุธออกมาขู่กัน แม้จะยังไม่ได้ลงมือทำร้ายกัน ก็มีความผิดในหมวดลหุโทษซึ่งมีโทษจำคุกหรือปรับหรือทั้งจำทั้งปรับตามมาตรา 379 ดังนั้น บุคคลใดโชว์ดิ้ว มีด ปืน เพื่อขู่กันขณะวิวาทต่อสู้กันหรือทะเลาะกัน พึงระวังตัวเองให้มากด้วย จุดประสงค์ที่ลงโทษบุคคลที่ขู่กันด้วยอาวุธเพื่อความสงบสุขในสังคม เลี่ยงอันตรายจากการใช้อาวุธยามขาดสติ
การพกพาอาวุธในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรหรือที่ชุมนุมชนหรืออวดอาวุธขณะทะเลาะวิวาทกันเพื่อข่มขู่ แม้จะเป็นลหุโทษ ค่าปรับและการจำคุกเป็นโทษที่ไม่พึงปรารถนาของบุคคลใด การดำเนินคดีกว่าจะสิ้นสุดเปลืองเวลา เปลืองเงินอย่างมาก อีกทั้งขอเตือนว่า แม้จะมีใบอนุญาตพกพาปืนออกนอกบ้าน หากตำรวจไม่เห็นเหตุผลอันควรในการพกปืนก็จะมีความผิดของหมวดลหุโทษได้ ทั้งนี้เป็นดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ ก่อนจะนำอาวุธพกติดตัวไปนอกบ้าน ขอให้ตั้งสติก่อนว่ามีเหตุจำเป็นยิ่งยวดเพียงใดในการทำเช่นนั้น ถ้าตำรวจไม่เห็นด้วยกับเหตุผลของท่าน ก็จะถูกดำเนินคดี ชีวิตจักวุ่นวายอันเนื่องจากอาวุธ จึงควรระวังอย่างมากเมื่ออยากพกอาวุธในที่สาธารณะและควรศึกษาวิธีพกอย่างปลอดภัยด้วย
เรียบเรียงโดย Black Cuff
No comments:
Post a Comment