Chinese Military Knife Fighting (2)
การเคลื่อนที่ซึ่งมีความสำคัญมากในลำดับต้นๆของการต่อสู้ด้วยมีดก็คือ การเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเข้าหาคู่ต่อสู้ (Move forward) ซึ่งมีประโยชน์อยู่สองอย่าง คือ
- มันค่อยๆสอนให้ทหารมีความก้าวร้าวมากขึ้น
- ทำให้ระยะห่างของคุณกับคู่ต่อสู้ใกล้เข้ามา เข้าไปอยู่ในระยะของคู่ต่อสู้และเริ่มคิดว่าจะทำอะไรต่อไป
มีหลักทั่วไปอยู่ข้อหนึ่ง คือ ถ้าไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี ก็ให้ “จู่โจมคู่ต่อสู้ (Attack)” ไม่ได้หมายความให้คุณบุกโจมตีอย่างไม่ลืมหูลืมตา เพราะมันอาจเป็นการกระทำที่โง่และอันตรายได้ การก้าวเท้าไปด้านข้างหรือถอยหลังบ่อยครั้งมันไม่ได้ทำให้คุณเสียเปรียบและยังสร้างโอกาสชนะได้อีกด้วย เป็นการเรียนรู้ที่จะถอยไม่ว่าจะเป็นการถอยเฉพาะบางส่วนของร่างกายหรือทั้งหมด นอกจากนั้นการป้องกันมักตามมาด้วยการโจมตีซึ่งอาจตัดสินการต่อสู้ได้เลยทีเดียว
การต่อสู้ด้วยมีดนั้นจะใช้ทุกส่วนของร่างกายในการโจมตี ไม่ใช่ใช้แต่มีดเพียงอย่างเดียว การต่อย เตะหรืออื่นๆล้วนมีประโยชน์ ซึ่งอาจตามมาด้วยการฟันหรือแทงอย่างได้ผล
การใช้มือข้างหนึ่งป้องกันการโจมตีของคู่ต่อสู้ ที่เราเรียกว่า Checking มักจะเป็นการทำลายจังหวะของคู่ต่อสู้ไปด้วย การโจมตีอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้นมักจะทำให้คู่ต่อสู้ชะงัก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คุณสามารถทำการโจมตีกลับได้
มีหลักที่สำคัญอยู่ข้อหนึ่ง คือ เมื่อคุณชักมีดออกมา ให้มีดนำหน้าหรือใช้มัน
กลยุทธ์พื้นฐานการต่อสู้ด้วยมีดส่วนใหญ่แล้วมักมาจากการฝึกซ้อมต่อสู้ด้วยมีด ซึ่งหลายคนอาจโต้แย้งว่าการซ้อมแบบนี้แตกต่างจากสถานการณ์จริง กระนั้นในการฝึกมีดจะประกอบด้วยหลายส่วน โดยทักษะเหล่านี้ทั้งหมดจะนำไปสู่การที่คุณสามารถบังคับคู่ต่อสู้ให้ตอบสนองในทิศทางหรือรูปแบบที่คุณคาดการณ์เอาไว้ได้ล่วงหน้า เพื่อที่คุณสามารถใช้เทคนิคที่ถนัดในการพิชิตคู่ต่อสู้ อาศัยการตอบสนองตามธรรมชาติของมนุษย์หรือการตอบสนองจากจิตใต้สำนึกของคู่ต่อสู้ให้เป็นประโยชน์ จะทำให้คู่ต่อสู้ติดกับดักและพ่ายแพ้ได้อย่างง่ายดาย
ฝึกฝนให้เกิดทักษะ แต่อย่าละเลยประสาทสัมผัสของคุณ (Your sense) การฝึกซ้ำๆกันหลายๆครั้ง (Drill) ถึงแม้จะทำให้เกิดทักษะได้แต่ก็ต้องระวังไว้ว่า คุณรู้ว่านี่คือการฝึกซ้อม มีดที่คู่ต่อสู้ใช้ไม่สามารถทำร้ายคุณได้ ทำให้คุณตอบสนองเร็วเกินไป ดังนั้นการฝึกต่อสู้ด้วยมีดอย่างอิสระ (Free sparring) จึงใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงมากที่สุดและมีประโยชน์อย่างมาก เป็นการรวมความรู้ ทักษะและกลยุทธ์ที่ฝึกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ สิ่งนี้ทำให้ทหารจีนต่อสู้ด้วยมีดได้ดีกว่าที่เราคิดกัน
อย่างที่ทาง Thai self-defense เคยกล่าวไว้แล้วว่าการฝึกมีดต่อสู้ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ความรู้ ทักษะซึ่งอาศัยการ Drill และ การซ้อมต่อสู้ด้วยมีด (Free sparring) ทั้งสามส่วนนี้จะสามารถพัฒนาทักษะส่วนบุคคลให้เฉียบคมมากขึ้นได้ และจงเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลาอย่าหยุดนิ่ง
การใช้มีดของทหารมีความแตกต่างจากภาคประชาชนเนื่องจากจุดประสงค์ที่ใช้ต่างกัน สำหรับประชาชนนั้นจะใช้มีดเพียงเพื่อ “ป้องกันตัว” เท่านั้น รูปแบบและวิธีการใช้มีดจึงมีความแตกต่างกันอยู่บ้างในหลายจุด
สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับมีดขอให้มี “สติ”
เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Military Knife Fighting ของ Dennis Rovere
No comments:
Post a Comment