Friday, August 19, 2011

ไม่น่าเลย


ไม่น่าเลย

หลายสัปดาห์ก่อนอาจยังไม่ลืมข่าวดังข่าวนี้เป็นข่าวของชายสองคนที่ขับรถปาดหน้ากันไปมาบนถนน ในที่สุดรถก็ชนกัน ต่างจอดรถเพื่อไป “เคลีย์” กับคู่กรณี ตามคำให้การลูกชายของคนขับรถฝ่ายหนึ่งซึ่งมีอายุ 60 กว่าปีได้ลงจากรถไปเผชิญหน้าคู่กรณี ยังไม่ทันได้ระบายโทสะอะไร ก็ถูกอีกฝ่ายซึ่งอายุ 30 กว่าปี ใช้มีดที่พกติดตัวมาแทงเสียชีวิต ขอถามว่าท่านทั้งหลายเมื่อเสพข่าวนี้แล้ว ได้คติสอนใจอะไรบ้าง สำหรับผมเองได้แต่ปลงกับคู่กรณีทั้งสองว่า “ไม่คุ้มเลย” เพราะไม่อาจอดทนต่อการยั่วยุเพียงเล็กน้อย ไม่อาจปล่อยวางโทสะที่เข้าเกาะกุมจิตใจ ปล่อยให้มันเผาผลาญชีวิตและอนาคตเสียสิ้น ทั้งยังทำลายความสุขของครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ของทั้งสองฝ่ายที่ต้องทนอยู่กับความเศร้าโศกเสียใจเมื่อสูญเสียบุคคลอันเป็นเสาหลักของครอบครัวไปด้วยสาเหตุเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หากคู่กรณีทั้งสองฝ่ายฉุกคิดสักนิดว่า “จะเกิดอะไรกับอนาคตของฉันถ้าฉัน...มัน” จุดไข่ปลาในประโยคข้างต้น คู่กรณีทั้งสองก็เติมคำกริยาที่อยากทำลงไป จะพบว่าสิ่งที่เราจะพบเจอหลังจากการกระทำที่ไร้สติตามอารมณ์นั้นไม่คุ้มเลย การให้อภัยและอดทนอดกลั้นจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด

ฝ่ายที่อายุมากในข่าวกล่าวว่าเพิ่งกลับจากการทำบุญที่วัดด้วยซ้ำ แต่กลับถูกยั่วยุเพียงเล็กน้อยก็ลุแก่โทสะ ลืมวัย ลืมสังขาร ลืมตัว ต้องบุกเข้าหาเพื่อสนองตอบโทสะของตัวเองให้ได้ คิดแต่จะเล่นงานคู่กรณีเลยลืมระมัดระวังป้องกันตัว ผลคือ ถูกอีกฝ่ายใช้อาวุธแทงเสียชีวิต

ส่วนอีกฝ่ายอายุแค่ 30 กว่าปี ซึ่งนับว่ามีความรักชอบในอาวุธมีด ให้การกับตำรวจว่า พกมีดติดตัวไว้ประจำเป็นปกติ แต่คงไม่เคยอ่านบทความใน Thai self-defense ซึ่งเตือนอยู่เสมอว่า “มีอาวุธ พกอาวุธ ถืออาวุธ ต้องมีสติด้วย” เพราะอาวุธทุกชนิดเมื่ออยู่ในมือของผู้ขาดสติแล้วก็อาจก่ออันตรายต่อตนเองและผู้อื่นอย่างคาดไม่ถึง ในทางจิตวิทยาอาวุธโดยสภาพเป็นตัวแทนของอำนาจและความก้าวร้าวรุนแรงเสมอ ดังนั้นใครที่ชื่นชอบในงานศิลป์ของศาสตราวุธจนอดไม่ได้ ต้องเรียนรู้ ฝึกฝนหรือแสวงหามาพกติดตัวไว้ประจำ ก็ต้องสำรวจใจของตัวเองให้ดีก่อนว่ามี “สติ” พอจะรับมือกับการท้าทาย ยั่วยุในรูปแบบต่างๆได้หรือไม่ หากไม่มั่นใจแล้วละก็ควรเก็บอาวุธอันตรายเหล่านี้ไว้ชื่นชมที่บ้านน่าจะเหมาะสมกว่า แต่ในคดีนี้ทั้งสองฝ่ายต่างเลือกตามใจตัวเอง ไม่ได้คิดถึงผลสุดท้ายที่ตามมา ไม่ว่าฝ่ายไหนจะแพ้หรือชนะ คนที่แพ้แน่ๆ คือ บุคคลในครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง บุคคลอันเป็นที่รัก ฯลฯ ที่ทั้งสองฝ่ายทิ้งไว้เบื้องหลัง

เหตุการณ์ผ่านไปแล้วหลายอาทิตย์ หลายคนอาจจะลืมไปแล้วหรือพยายามจะลืม แต่ผมขอให้ทุกคนที่ได้อ่านบทความนี้ ขอให้ทำเหมือนผม ขอให้ทบทวน คิดถึงเรื่องนี้ ซ้ำๆ บ่อยๆ เพื่อไม่ให้ลืมอย่างเด็ดขาด เพราะ

“คนโง่เรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง แต่คนฉลาดเรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่น”

                                                                                                เรียบเรียงโดย Snap shot

Sunday, August 14, 2011

Training Knives




Training Knives


อีกไม่นานนี้ทางคุณ Snap Shot จะจัดทำมีดซ้อมซึ่งทำจากอัลลอยด์หนา 6 ม.ม. อย่างดีโดยอาศัยมีดต้นแบบ Karambit 2 รุ่น และ มีดใบ Tanto 1 รุ่น หากมีผู้รักการฝึกมีดท่านใดสนใจมีดซ้อมอย่างดี สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่คุณ Snap Shot โทร. 081-636-7296 (โทรด่วน! จัดทำจำนวนจำกัด)

Thursday, August 11, 2011

Chinese Military Knife Fighting (2)


Chinese Military Knife Fighting (2)

การเคลื่อนที่ซึ่งมีความสำคัญมากในลำดับต้นๆของการต่อสู้ด้วยมีดก็คือ การเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเข้าหาคู่ต่อสู้ (Move forward) ซึ่งมีประโยชน์อยู่สองอย่าง คือ

-          มันค่อยๆสอนให้ทหารมีความก้าวร้าวมากขึ้น

-          ทำให้ระยะห่างของคุณกับคู่ต่อสู้ใกล้เข้ามา เข้าไปอยู่ในระยะของคู่ต่อสู้และเริ่มคิดว่าจะทำอะไรต่อไป

มีหลักทั่วไปอยู่ข้อหนึ่ง คือ ถ้าไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี ก็ให้ “จู่โจมคู่ต่อสู้ (Attack) ไม่ได้หมายความให้คุณบุกโจมตีอย่างไม่ลืมหูลืมตา เพราะมันอาจเป็นการกระทำที่โง่และอันตรายได้ การก้าวเท้าไปด้านข้างหรือถอยหลังบ่อยครั้งมันไม่ได้ทำให้คุณเสียเปรียบและยังสร้างโอกาสชนะได้อีกด้วย เป็นการเรียนรู้ที่จะถอยไม่ว่าจะเป็นการถอยเฉพาะบางส่วนของร่างกายหรือทั้งหมด นอกจากนั้นการป้องกันมักตามมาด้วยการโจมตีซึ่งอาจตัดสินการต่อสู้ได้เลยทีเดียว

การต่อสู้ด้วยมีดนั้นจะใช้ทุกส่วนของร่างกายในการโจมตี ไม่ใช่ใช้แต่มีดเพียงอย่างเดียว การต่อย เตะหรืออื่นๆล้วนมีประโยชน์ ซึ่งอาจตามมาด้วยการฟันหรือแทงอย่างได้ผล

การใช้มือข้างหนึ่งป้องกันการโจมตีของคู่ต่อสู้ ที่เราเรียกว่า Checking มักจะเป็นการทำลายจังหวะของคู่ต่อสู้ไปด้วย การโจมตีอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้นมักจะทำให้คู่ต่อสู้ชะงัก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คุณสามารถทำการโจมตีกลับได้

มีหลักที่สำคัญอยู่ข้อหนึ่ง คือ เมื่อคุณชักมีดออกมา ให้มีดนำหน้าหรือใช้มัน

กลยุทธ์พื้นฐานการต่อสู้ด้วยมีดส่วนใหญ่แล้วมักมาจากการฝึกซ้อมต่อสู้ด้วยมีด ซึ่งหลายคนอาจโต้แย้งว่าการซ้อมแบบนี้แตกต่างจากสถานการณ์จริง กระนั้นในการฝึกมีดจะประกอบด้วยหลายส่วน โดยทักษะเหล่านี้ทั้งหมดจะนำไปสู่การที่คุณสามารถบังคับคู่ต่อสู้ให้ตอบสนองในทิศทางหรือรูปแบบที่คุณคาดการณ์เอาไว้ได้ล่วงหน้า เพื่อที่คุณสามารถใช้เทคนิคที่ถนัดในการพิชิตคู่ต่อสู้ อาศัยการตอบสนองตามธรรมชาติของมนุษย์หรือการตอบสนองจากจิตใต้สำนึกของคู่ต่อสู้ให้เป็นประโยชน์ จะทำให้คู่ต่อสู้ติดกับดักและพ่ายแพ้ได้อย่างง่ายดาย

ฝึกฝนให้เกิดทักษะ แต่อย่าละเลยประสาทสัมผัสของคุณ (Your sense) การฝึกซ้ำๆกันหลายๆครั้ง (Drill) ถึงแม้จะทำให้เกิดทักษะได้แต่ก็ต้องระวังไว้ว่า คุณรู้ว่านี่คือการฝึกซ้อม มีดที่คู่ต่อสู้ใช้ไม่สามารถทำร้ายคุณได้ ทำให้คุณตอบสนองเร็วเกินไป ดังนั้นการฝึกต่อสู้ด้วยมีดอย่างอิสระ (Free sparring) จึงใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงมากที่สุดและมีประโยชน์อย่างมาก เป็นการรวมความรู้ ทักษะและกลยุทธ์ที่ฝึกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ สิ่งนี้ทำให้ทหารจีนต่อสู้ด้วยมีดได้ดีกว่าที่เราคิดกัน

อย่างที่ทาง Thai self-defense เคยกล่าวไว้แล้วว่าการฝึกมีดต่อสู้ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ความรู้ ทักษะซึ่งอาศัยการ Drill และ การซ้อมต่อสู้ด้วยมีด (Free sparring) ทั้งสามส่วนนี้จะสามารถพัฒนาทักษะส่วนบุคคลให้เฉียบคมมากขึ้นได้ และจงเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลาอย่าหยุดนิ่ง

การใช้มีดของทหารมีความแตกต่างจากภาคประชาชนเนื่องจากจุดประสงค์ที่ใช้ต่างกัน สำหรับประชาชนนั้นจะใช้มีดเพียงเพื่อ “ป้องกันตัว” เท่านั้น รูปแบบและวิธีการใช้มีดจึงมีความแตกต่างกันอยู่บ้างในหลายจุด

สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับมีดขอให้มี “สติ”

                                                                                    เรียบเรียงโดย Batman
                           อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Military Knife Fighting ของ Dennis Rovere

การฝึกอบรม THAI SELF-DEFENSE WEEK Level 1

การฝึกอบรม THAI SELF-DEFENSE WEEK Level 1

 
เปิดรับการฝึกอบรม สัปดาห์การป้องกันตัวสำหรับประชาชนทั่วไป ระดับ 1

จุดประสงค์        เพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะการป้องกันตัวในสถานการณ์วิกฤติให้กับประชาชนทั่วไป

เนื้อหาการฝึกอบรม (การบรรยายและปฏิบัติ)

-          หลักการป้องกันตัวและการประเมินสถานการณ์

-          ความรู้พื้นฐานการป้องกันตัวด้วย มือเปล่า (2 ช.ม.)

-          ความรู้พื้นฐานการป้องกันตัวด้วย อาวุธมีด (2 ช.ม.)






เวลาการฝึกอบรม            วันเสาร์ที่ 3 ก.ย. 2554 เวลา 13.00 17.00 น.

ผู้รับการฝึกอบรม            หญิงหรือชาย อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป (ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ต้องมีผู้ปกครองยินยอม) ไม่มีโรคประจำตัวซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการฝึกอบรม (รับจำนวนจำกัด ไม่เกิน 10 ท่าน)

GPS        N 13-43-832, E 100-38-871
       สถานที่ ชั้น 3 ร้านขอขวัญ เลขที่ 102/24 ซอย พัฒนาการ58 เยื้อง ร.ร.เตรียมพัฒนาการ เขต สวนหลวง กรุงเทพฯ 10250

ค่าฝึกอบรม              1,600 บาท/ท่าน

สิ้นสุดวันรับสมัคร              31 ส.ค. 2554

การแต่งกาย                      เสื้อยืด กางเกงวอร์ม หรือ แต่งกายรัดกุม (มีมีดซ้อมโฟมขายในราคา 300 บาท/เล่ม)






เอกสารประกอบการสมัคร            สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 1 ใบ, ใบยินยอมจากผู้ปกครอง (ในกรณีผู้รับการฝึกอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์)
  
         
         ครูฝึก     ครู วีระ (Batman)


ติดต่อ    ครู วีระ (Batman) โทร. 081-666-0266, Fax. 02-349-6207

Sunday, August 7, 2011

Self-defense with / without a Knife Training

Self-defense with / without a Knife Training

น้องผึ้งได้มีโอกาสมารับการฝึกอบรมการป้องกันตัวด้วยมือเปล่าและอาวุธมีดกับทาง Thai self-defense ถึงแม้น้องผึ้งไม่เคยมีพื้นฐานการต่อสู้ป้องกันตัวมาก่อนแต่ก็ฝึกอบรมและเรียนรู้อย่างตั้งใจ ทำให้การฝึกอบรมเป็นไปได้อย่างราบรื่นและมีพัฒนาการที่ดี

อยากให้ผู้สนใจทุกท่านใฝ่หาความรู้ให้มาก สามารถเข้ารับการฝึกอบรมจากศูนย์ฝึกต่างๆที่ท่านเห็นสมควร เพื่อเพิ่มพูนทักษะและเพิ่มโอกาสเอาตัวรอดได้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน

“สติ ความรู้ ทักษะ” เป็นสามส่วนสำคัญในการป้องกันตัว
                                                                                                                        Batman

Thursday, August 4, 2011

Chinese Military Knife Fighting (1)

Chinese Military Knife Fighting (1)



นาย Dennis Rovere เป็นครูสอนศิลปะการต่อสู้จีนในรูปแบบของทหาร เขาจบการฝึกอบรมโดยได้รับประกาศนียบัตรได้เป็นครูฝึกจากนายพล ฉาง (เกษียณอายุแล้ว) และได้สำเร็จการฝึกอบรมกับนายพัน ฉาง เหยิน หยิ่ง ซึ่งเป็นครูสอนการต่อสู้ระยะประชิด (Close quarter combat) ให้ทหารหญิงและหน่วยจู่โจมเคลื่อนที่เร็วของจีน นอกจากนั้นเขายังเป็นคนต่างชาติคนแรกที่ได้รับการยอมรับให้เป็นครูสอนศิลปะการต่อสู้ของจีนจากประเทศไต้หวัน อีกทั้งเป็นครูฝึกให้กับหน่วยปฏิบัติการพิเศษของตำรวจที่ปักกิ่ง และเป็นครูฝึกให้กับหน่วยรักษาความปลอดภัยที่เซี่ยงไฮ้ประเทศจีนอีกด้วย


ลูกศิษย์ของเขาหลายคนมักถามเกี่ยวกับการใช้อาวุธมีดในกองทัพจีน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจับมีด ชนิดของมีดที่ใช้ โดยนำไปเปรียบเทียบกับการใช้มีดในระบบอื่นๆ เขามักอธิบายให้เห็นภาพและหลักการกว้างๆแก่ลูกศิษย์ของเขา


การต่อสู้ด้วยมีดในกองทัพจีน (Chinese military knife fighting) นั้น ถูกสร้างขึ้นมาจากคนที่ใช้งานจริงและถูกนำไปใช้ในสถานการณ์ที่สุดขั้ว ทุกส่วนของการใช้มีดไม่ว่าจะเป็น ท่ายืน การถือมีด การฟัน การแทง ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนสำคัญทั้งสิ้น ในการใช้มีดต่อสู้ได้อย่างดีนั้นนอกจากสภาพร่างกายที่ดีแล้ว ยังต้องมีความเข้าใจอย่างถูกต้องถ่องแท้เกี่ยวกับหลักการและกลยุทธ์ของการต่อสู้ด้วยมีดอีกด้วย


การใช้กลยุทธ์นั้นจะมีปรากฏอยู่ในทุกระดับของการต่อสู้ด้วยมีด โดยหลักการเหล่านี้ต้องอยู่บนพื้นฐานของการจู่โจมและป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพและใช้งานได้จริง


No “One School” of Knife Fighting ความรู้เกี่ยวกับการต่อสู้ด้วยมีดนั้นมาจากหลายแหล่งด้วยกัน อาทิเช่น


- จากคู่ต่อสู้ที่มีอาวุธและฝึกฝนมาอย่างดี เทคนิคที่ดีนั้นควรใช้ได้ผลดีกับอาวุธหลายๆประเภท เช่น ไม่ว่าจะเป็นอาวุธสั้นอย่างมีด หรืออาวุธที่ยาวขึ้นอย่างปืนยาวติดดาบปลายปืน ใช้ได้ดีกับคู่ต่อสู้ที่ฝึกมาอย่างดีไม่ว่าจะมีคนเดียวหรือหลายคน


- เทคนิคเหล่านั้นควรจะเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากในภาวะเครียดและมีความกดดันสูงการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนจะไม่ง่ายในการคิดและทำ ยิ่งทหารมักจะอยู่ในสภาพที่มีความเครียดทางร่างกายด้วยแล้ว การเคลื่อนไหวบางอย่างที่ต้องใช้พลังงานมากจึงควรหลีกเลี่ยง เช่น การเตะสูง การโยนคู่ต่อสู้ เป็นต้น


- อาวุธทั้งหลายไม่ใช่ส่วนขยายของร่างกายได้อย่างง่ายดาย มันจำเป็นที่จะต้องทำความรู้จักอาวุธที่เราใช้เป็นอย่างดี เรียนรู้และทำความคุ้นเคยกับมัน เพราะอาวุธแต่ละอย่างมีลักษณะเฉพาะทั้งรูปร่างและการใช้งาน


- ไม่ได้มีเพียงแหล่งความรู้เดียวในการต่อสู้ด้วยมีด ดังคำกล่าวโบราณที่ว่า “จงเรียนรู้สิ่งที่มีประโยชน์” ไม่มีวิชาไหนดีเลิศไม่มีที่ติ บางหน่วยงานอาจเชี่ยวชาญการใช้มีดรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งโดยเฉพาะ แต่สำหรับเขาแล้วจะสอนทั้งการต่อสู้ด้วยอาวุธมีดและการลอบสังหารด้วยมีด (Silent killing techniques) โดยใช้ทั้ง Forward และ Reverse grip แตกต่างจากทางตะวันตกซึ่งพยายามหา “วิธีที่ดีที่สุด” วิธีเดียว แต่สำหรับทหารจีนจะฝึกหลายรูปแบบและสามารถเลือกวิธีที่ “เหมาะสมที่สุด” สำหรับสถานการณ์นั้นๆ


- การต่อสู้มักเกิดขึ้นในสภาวะที่ไม่เหมาะสม ดังนั้นเทคนิคที่มีการพิสูจน์แล้วในสนามรบหรือสถานการณ์จริงจึงเป็นสิ่งที่นำมาสอนและถ่ายทอดต่อไป เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่ไม่ปกติ เช่น มีฝนตก หนาวเย็น เปื่อนโคลน การต่อสู้ด้วยมีดซึ่งมีการสอนกันในสถาบันซึ่งไม่มีการพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพ หรือใช้ท้วงท่าที่ดูวิจิตรพิศดาร (Fancy techniques) อย่างเช่น การโยนมีดเพื่อเปลี่ยน grip จาก Forward เป็น Reverse grip ควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง เพราะอาจทำให้มีดหลุดจากมือได้ การยืนกางขาออกกว้างโดยงอเข่ามากๆ อย่างเช่น ท่านั่งขี่ม้าของจีน (Horse stance หรือ Bow stance) อาจใช้ในการฝึกกำลังขาได้ แต่ไม่ควรนำมาใช้ในการต่อสู้ด้วยมีด เพราะโดยทั่วไปแล้วท่ายืนในการต่อสู้ด้วยมีดนั้นจะย่อตัวลงเล็กน้อยและเป็นธรรมชาติมากกว่า


จะเห็นได้ว่ากระบวนการคิดและฝึกฝนการต่อสู้ด้วยมีดนั้นไม่ว่าจะเป็นตะวันตกหรือตะวันออก ต่างก็มีจุดที่เหมือนและต่างกัน ถึงแม้หลักใหญ่ๆจะคล้ายกันแต่รายละเอียดปลีกย่อยอาจแตกต่างกันบ้าง ขึ้นอยู่กับว่าใครเน้นหรือให้ความสำคัญกับสิ่งใดมากกว่ากัน คงไม่มีใครบอกได้ว่าใครดีกว่าใคร เพราะมันขึ้นอยู่กับผู้ฝึกฝนเป็นสำคัญ


สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับมีดขอให้มี “สติ”


เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Military Knife Fighting ของ Dennis Rovere

การฝึกอบรม Self-defense with a Knife

การฝึกอบรม Self-defense with a Knife



เปิดรับการฝึกอบรมการป้องกันตัวด้วยอาวุธ “มีด” สำหรับประชาชนทั่วไป


จุดประสงค์ เพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะการป้องกันตัวด้วยอาวุธ “มีด” ให้กับประชาชนทั่วไป


เนื้อหาการฝึกอบรม (การบรรยายและปฏิบัติ)


- หลักการป้องกันตัวและการประเมินสถานการณ์


- ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอาวุธมีด


- การถือมีด (Knife griping) ท่าเตรียมพร้อม (Fighting stance)


- พื้นฐานรูปแบบและทิศทางการโจมตีด้วยมีด (Basic patterns and directions of knife attack)

- การเคลื่อนที่ (Footwork)

- กลยุทธ์การป้องกันตัวด้วยมีด (Strategy of self-defense with a knife)

- การฝึกซ้อมการป้องกันตัวด้วยมีด (Knife sparring and drill)

ระยะเวลาการฝึกอบรม วันจันทร์ – พฤหัส เวลา 18.00 – 20.00 น. วันศุกร์ – วันอาทิตย์ เวลา 13.00 – 20.00 น. (จะโทรยืนยันวันฝึกที่แน่นอนอีกครั้ง)


ผู้รับการฝึกอบรม หญิงหรือชาย อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป (ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ต้องมีผู้ปกครองยินยอม) รับจำนวนจำกัด


สถานที่ ชั้น 3 ร้านขอขวัญ เลขที่ 102/24 ซอย พัฒนาการ 58 เยื้อง ร.ร. เตรียมพัฒนาการ เขต สวนหลวง กรุงเทพฯ 10250


แผนที่


GPS N 13-43.832 E 100-38.871


ค่าฝึกอบรม 600 บาท/ช.ม./ท่าน (เรียนส่วนตัว), 500 บาท/ช.ม./ท่าน (เรียนเป็นกลุ่มย่อยตั้งแต่ 2 ท่าน ขึ้นไป)


การแต่งกาย เสื้อยืด กางเกงวอร์ม หรือ แต่งกายรัดกุม


อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย แว่นตานิรภัย (ถ้ามี), มีดซ้อม (ถ้ามี), Arm guard (ถ้ามี), ถุงมือ (ถ้ามี)


เอกสารประกอบการสมัคร ใบสมัคร, สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 1 ใบ, ใบยินยอมจากผู้ปกครอง (ในกรณีผู้รับการฝึกอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์)


ครูฝึก ครู วีระ (Batman)


ติดต่อ ครู วีระ (Batman) โทร. 081-666-0266, Fax. 02-349-6207


e-mail : thaiselfdefense@gmail.com


www.thaiselfdefense.com
 

Samsung LCD televisions