Thursday, May 26, 2011

พฤติกรรมเสี่ยง


พฤติกรรมเสี่ยง


เคยเขียนไว้ในบทความชิ้นแรกๆว่า องค์ประกอบสำคัญที่เอื้อต่อคนร้ายที่จะก่อกรรมทำเข็ญกับเหยื่อ คือ คนใช่ เวลาชอบ ทำเลช่วย ซึ่งทั้งสามปัจจัยนี้หากเกิดขึ้นแม้เพียงข้อเดียวก็อาจเป็นเหตุให้คนร้ายตัดสินใจเลือกเราเป็นเหยื่อได้แล้ว วันนี้จะขอกล่าวถึงองค์ประกอบแรก คือ คนใช่ ซึ่งคนนี้เองเป็นเหมือนสารตั้งต้นที่รอปัจจัยอื่นๆมาประกอบเพื่อผสมผสานกลายเป็นคดีอาชญากรรมให้ได้อ่านกันทุกๆเช้า


จะขอกล่าวถึงพฤติกรรมหลายอย่างเมื่อเราปฎิบัติเป็นอาจินก็เหมือนป้ายประกาศเชิญชวนคนร้ายให้เลือกเราเป็นเหยื่อ


1.      มีโลกส่วนตัวสูง เมื่ออยู่นอกบ้านระหว่างเดินทาง รอเวลานัด รอคน รอคิว รอเวลา หลายคนมีวิธีฆ่าเวลาที่แตกต่างกัน เช่น เสียบหูฟังเพลงจากเครื่องเสียงต่างๆ พูดโทรศัพท์ตลอดเวลาแม้แต่ตอนเดินข้ามถนนหรือวิ่งไปขึ้นรถโดยสารหรือรถไฟฟ้าก็ไม่หยุดพูด กดโทรศัพท์ส่ง BB อ่านหนังสือ เล่นอินเตอร์เน็ตผ่านโน้ตบุ๊ก เล่นเกมส์กด ฯลฯ พฤติกรรมเหล่านี้กีดกันผู้คนจากสภาพแวดล้อมอย่างสิ้นเชิง จนขาดความระมัดระวังตัว และเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนคนร้ายตัดสินใจเลือกคุณเป็นเหยื่ออย่างไม่ลังเล


2.      บ้าหอบฟาง ถ้าคุณมีรูปแบบชีวิตที่ต้องทำกิจกรรมต่างๆในแต่ละวันเพื่อให้ภาระกิจทั้งหมดลุล่วงโดยราบรื่น คุณเลยต้องมีกระเป๋าใบโตสะพายติดตัวตลอดเวลา แล้วเอาอุปกรณ์ที่คุณคิดว่าจำเป็นต้องใช้ในแต่ละวันใส่รวมกันไว้ในกระเป๋าเพื่อกันลืม เช่น โทรศัพท์มือถือหลายเครื่อง สมุดโน้ตจดงาน เครื่องแต่งหน้าครบชุด เครื่องประดับชุดใหญ่สำหรับงานกลางคืน กุญแจรถ กุญแจบ้าน บัตรเครดิต ฯลฯ แน่นอนของมากขนาดนี้กระเป๋าใบใหญ่นี้ก็เหมือนตู้โชว์สินค้าที่คุณแบกติดตัวไปทั่วเมือง แม้คุณพยายามกอดไว้กับตัวเพื่อความปลอดภัย แต่ความจริงแล้วถ้าคนร้ายตัดสินใจจะแย่งชิงมันไปซึ่งๆหน้าคุณก็ไม่อาจปกป้องมันไว้ได้หรอก การหอบหิ้วกระเป๋าใบโตนี้จึงเหมือนคุณคอยกวักมือเรียกคนร้ายให้มาเล่นงานคุณนั่นเอง ดังนั้นคุณควรพกพาเอกสารและเงินสดในกระเป๋าเท่าที่จำเป็น แล้วถ่ายสำเนาบัตรที่สำคัญเก็บไว้ที่บ้านหรือในรถอีกชุดเผื่อตัวจริงถูกแย่งชิงไปคุณจะได้แจ้งหายได้สะดวก มีเบอร์โทรบริษัทเจ้าของบัตรทุกใบที่คุณพกจดไว้ที่บ้านหรือในรถ เผื่อถูกขโมยหรือแย่งชิงไปจะได้แจ้งอายัดได้ทัน มีอุปกรณ์เสริมสวย อุปกรณ์สื่อสารหรือเครื่องประดับเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และพยายามแยกเก็บในกระเป๋าเล็กๆหลายใบ อย่ารวมไว้ในกระเป๋าใบใหญ่ใบเดียวเผื่อถูกขโมยจี้ปล้นจะได้เหลืออยู่บ้าง


3.      หมายกำหนดการ “อันตราย” ในสังคมเมืองนั้นผู้คนส่วนหนึ่งที่มีเศรษฐกิจดีกว่าคนทั่วไปมักมีรูปแบบชีวิตที่เต็มไปด้วยหมายกำหนดการต่างๆ เพราะเชื่อว่าการบริหารจัดการเวลาอย่างมีระบบระเบียบจะทำให้ทำกิจกรรมต่างๆได้มากขึ้นในแต่ละวัน เป็นการใช้เวลาอย่างคุ้มค่า ซึ่งมันก็ถูกเมื่อคิดเช่นนี้ในขณะทำงานอาชีพ แต่มันกลับกลายเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ช่วยให้คนร้ายเล่นงานเราในชีวิตประจำวันได้ง่าย ดังนั้นถ้าคุณมีหมายกำหนดการประจำ เช่น เช้าวันเสาร์ไปฟิตเนส บ่ายวันอาทิตย์ไปล้างรถที่คาร์แคร์เจ้าประจำ ฯลฯ ขอให้รู้ว่าหมายกำหนดการเหล่านี้เป็นเหมือนการนัดหมายให้คนร้ายมารอเล่นงานเราตามเวลาและสถานที่ดังกล่าว เพราะผลการวิเคราะห์เพื่อการป้องกันอาชญากรรมของหน่วยงานสังกัดกระทรวงมหาดไทยของชาติตะวันตกระบุว่า คนร้ายส่วนใหญ่มักเลือกเหยื่อที่เขาเคยพบเคยเห็นมาก่อนในพื้นที่ๆเขาคุ้นเคย และตัดสินใจเลือกลงมือโดยมาดักรอเหยื่อตามเวลาและสถานที่ตามหมายกำหนดการครั้งต่อๆไปของเหยื่อเอง ดังนั้นหากคุณมีกำหนดนัดหมายใดๆที่ทำประจำก็ควรจะลองเปลี่ยนเวลาและสถานที่เสียบ้าง หรือถ้าเปลี่ยนแปลงไม่ได้จริงๆก็ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ต้องตระหนักว่าคุณกำลังอยู่ในสภาวะเสี่ยงอย่างยิ่ง


4.      คิกคุ ปูนิ่ม จากการจัดอันดับเหยื่อยอดนิยม บรรดาคนร้ายทั้งหลายล้วนยกให้เด็กวัยรุ่นชายหญิงที่มีบุคคลิกไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆมีท่าทางอ่อนแอขาดความมั่นใจอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะแกล้งทำเพื่อให้ดูน่ารักตามสมัยนิยมหรือถูกเลี้ยงดูมาอย่างนั้นเองก็เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าร้ายที่จะเจาะจงเลือกเหล่านี้เป็นเหยื่ออย่างไม่ต้องสงสัยเพราะมีโอกาสสำเร็จสูงมาก


5.      ที่เก็บของติดล้อ คนที่มีรถใช้ส่วนตัวเพื่อเดินทางเป็นประจำ หลายคนขนทรัพทย์สินมีค่าต่างๆไปในรถด้วย เช่น เครื่องประดับต่างๆหรืออุปกรณ์ประกอบการทำงาน เช่น อุปกรณ์มีเดียร์ต่างๆ โน้ตบุ๊ก รูปเคารพ กล้องถ่ายรูป ฯลฯ หลายชิ้นราคานับหมื่นนับแสนก็ยังวางไว้ในรถล่อตาล่อใจคนร้ายอย่างไม่ระแวงว่าจะสูญหาย โดยลืมไปว่ารถของเรามีกระจกเป็นส่วนประกอบรอบคันและกระจกนั้นไม่ได้แข็งแรงอะไรเลย ขอเตือนว่าการเก็บของมีค่าไว้ในรถเหมือนเอาใส่ตู้โชว์ไปตามถนน ใครเห็นก็อดใจไม่ไหวต้องพังรถคุณให้ได้


“อย่าเป็นคนที่ใช่ก็ปลอดภัยไปกว่าครึ่ง”
                                                                                                เรียบเรียงโดย Snap shot

Thursday, May 19, 2011

Target of a Rapist

Target of a Rapist



ในอเมริกาได้เคยมีการสัมภาษณ์ผู้ต้องหาข่มขืนจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นนักข่มขืนที่ทำมาหลายรายหรือคนซึ่งข่มขืนผู้หญิงที่ตนนัดเที่ยวด้วย (Date rape) และได้รวบรวม นำเสนอข้อน่าสนใจเกี่ยวกับการเลือกเหยื่อของพวกเขา


- อย่างแรกคนร้ายมักมองดูทรงผมของเหยื่อ พวกเขาจะเดินตามผู้หญิงซึ่งมีทรงผมที่ง่ายแก่การจับกระชาก ดังนั้นผู้หญิงผมยาวจึงมักตกเป็นเหยื่อมากกว่าผมสั้น


- อันดับต่อมาคนร้ายจะมองที่เสื้อผ้าของเหยื่อ พวกเขาจะเลือกเหยื่อที่สวมใส่เสื้อผ้าที่ถอดง่าย คนร้ายบางคนจะพกกรรไกรไปด้วยเพื่อช่วยในการตัดเสื้อผ้าของเหยื่อ


- คนร้ายมักจะเลือกเหยื่อที่กำลังคุยโทรศัพท์มือถือหรือกำลังมองหาของในกระเป๋าถือ เพราะเหยื่อมักจะไม่ระวังตัวในขณะนั้นทำให้ง่ายแก่การลงมือโดยใช้กำลัง


- คนร้ายมักเลือกเวลาในการข่มขืนประมาณ ตี 5 ถึง 8 โมงครึ่งตอนเช้า


- สถานที่ซึ่งใช้ในการข่มขืน อันดับแรกคือ ที่จอดรถของร้านขายของชำ ต่อมาก็ ลานจอดรถในสำนักงาน อันดับสุดท้ายก็คือ ห้องน้ำสาธารณะ


- คนร้ายมักเลือกเหยื่อจากที่หนึ่งแล้วพาไปยังอีกที่หนึ่งซึ่งคนร้ายไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการควบคุมเหยื่อ


- มีเพียง 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่คนร้ายมีอาวุธไปด้วยขณะก่อเหตุ เพราะโทษของการข่มขืนแค่ติดคุก 3 – 5 ปี แต่ถ้ามีอาวุธไปด้วยโทษจะเพิ่มเป็น 15 – 20 ปี ถ้าผู้หญิงขัดขืนต่อสู้โดยเฉพาะใน 1 – 2 นาทีแรก อาจทำให้คนร้ายยอมถอดใจเพราะเสียเวลามากเกินไป


- คนร้ายมักไม่เลือกเหยื่อที่ถือ “ร่ม” หรืออะไรก็ตามที่สามารถใช้เป็นอาวุธจากระยะไกลได้ พวกเขาบอกว่า หากเหยื่อถือกุญแจในมือจะใช้เป็นอาวุธได้เหยื่อเหล่านั้นก็ต้องเข้ามาประชิดตัวคนร้ายเท่านั้น (แต่ก็แนะนำว่ามีกุญแจในมือเพื่อใช้เป็นอาวุธก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย)


จากข้อมูลเหล่านี้นำไปสู่ข้อเสนอแนะ


- หากมีผู้ชายแปลกหน้าท่าทางไม่น่าไว้วางใจเดินตรงมาที่คุณ ให้ยกมือทั้งสองขึ้นมาข้างหน้าแล้วตะโกนดังๆว่า “หยุด!... ถอยออกไป” การใช้พลังเสียงเช่นนี้บ่งบอกว่าคุณไม่กลัวที่จะใช้กำลังตอบโต้กลับ อย่าลืม... คนร้ายมักเลือกเหยื่อที่ลงมือง่ายๆ


- ควรมีอุปกรณ์ป้องกันตัวพกติดตัวไว้เสมอ เช่น สเปรย์พริกไทย เป็นต้น และเมื่ออยู่ในสถานที่หรือสถานการณ์ที่ไม่ปกติก็ควรถือมันเอาไว้ในมือพร้อมใช้งาน


- เรียนรู้วิธีการป้องกันตัวด้วยมือเปล่าเอาไว้ด้วย เพราะในหลายครั้งเราอาจไม่สามารถใช้อาวุธที่เราพกติดตัวได้ จึงต้องใช้การป้องกันตัวด้วยมือเปล่าในการแก้ไขสถานการณ์ออกมาก่อน


- อย่าลืมการโจมตีไปที่ระหว่างขาของคนร้าย (Go to the Groin) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สร้างความเจ็บปวดอย่างมาก หลายคนอาจคิดว่าถ้าทำร้ายในคนร้ายเจ็บแล้วจะเป็นการกระตุ้นให้เขาหันกลับมาทำร้ายเรามากขึ้น แต่ส่วนใหญ่พบว่าคนร้ายมักเลือกเหยื่อที่ไม่น่าจะมีปัญหา ทันทีที่เหยื่อตอบโต้ คนร้ายมักผละจากไปมากกว่า


- เรียนรู้ที่จะตื่นตัว สร้างความตระหนักรู้ถึงภัยอันตราย หลีกเลี่ยงสถานที่หรือสถานการณ์ที่สุ่มเสี่ยง พยายามอย่าไปที่ไหนคนเดียว


ถึงแม้ข้อมูลเหล่านี้จะมาจากต่างประเทศแต่ก็มีข้อน่าสนใจหลายประการ และคำแนะนำหลายอย่างก็มีประโยชน์อย่างมาก การสร้างจิตสำนึกในการป้องกันตัว (Self-defense Mind) เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นความตระหนักรู้ถึงภัยคุกคาม การหลีกเลี่ยง การเตรียมตัวในการเผชิญเหตุ ความรู้และทักษะในการป้องกันตัวไม่ว่าจะมีหรือไม่มีอาวุธในมือ การมี “สติ” เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ร้าย รู้จักใช้สภาพแวดล้อมและสิ่งของรอบตัวให้เป็นประโยชน์ สิ่งต่างๆเหล่านี้จะทำให้ชีวิตเรามีความปลอดภัยมากขึ้น


สุดท้ายนี้ขอให้ตั้ง “สติ” ทุกครั้งเมื่อเผชิญเหตุ และขอให้ “พลังจงอยู่กับท่าน”


เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Through a Rapist’s Eyes จาก Self-defense with an attitude

Saturday, May 14, 2011

พกอาวุธในที่สาธารณะ


พกอาวุธในที่สาธารณะ

ประมวลกฎหมายอาญา หมวดลหุโทษ มาตรา 371 บัญญัติว่า ผู้ใดพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือไม่มีเหตุสมควร หรือพาไปในชุมนุมชนที่ได้จัดให้มีขึ้นเพื่อนมัสการ การรื่นเริง หรือการอื่นใด มีโทษปรับไม่เกิน 100 บาท และให้ศาลมีอำนาจสั่งให้ริบอาวุธ

อีกมาตราหนึ่งคือ มาตรา 379 บัญญัติว่า ผู้ใดชักหรือแสดงอาวุธในการวิวาทต่อสู้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 วัน หรือปรับไม่เกิน 500 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

หลายคนมีความกังวลสงสัยว่า มีด ดิ้ว ท่อนไม้ จะพกพาไปนอกบ้านได้หรือไม่ ด้วยเกรงว่าตำรวจจะจับฐานพกอาวุธและติดคุก จากหลักกฎหมายข้างต้นเป็นบทความผิดและใช้ลงโทษประชาชนที่พกอาวุธไปในที่สาธารณะโดยไม่จำกัดว่าบุคคลนั้นจะมีใบอนุญาตหรือไม่ คำว่า อาวุธ คือ อาวุธโดยสภาพและโดยธรรมชาติ มีด ดิ้ว ปืน ถือว่าเป็นอาวุธโดยสภาพเพราะมีการจัดสร้าง ตกแต่ง ดัดแปลงให้ทำหน้าที่เป็นอาวุธชัดเจน ส่วนอาวุธโดยธรรมชาติ คือ สภาพการใช้งานหรือรูปร่างใช้เยี่ยงอาวุธได้ เช่น กิ่งมะม่วง ไม้ทีของนักเรียนอาชีวะ ขาโต๊ะ ที่เขี่ยบุหรี่ เป็นต้น สิ่งที่สร้างปัญหาเวลาพกพาไปนอกบ้าน คือ อาวุธโดยสภาพ ซึ่งแยกยากว่าพกไปด้วยเจตนาทำร้ายคนอื่นหรือเพื่อป้องกันตัวเอง

หลักกฎหมายข้างต้นเขียนขึ้นเพื่อควบคุมประชาชนมิให้พกพาอาวุธเข้าเมืองหรือในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร องค์ประกอบเรื่องอาวุธนั้นรวมทั้งอาวุธโดยสภาพและโดยธรรมชาติ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของตำรวจในเวลาที่พบสิ่งของนั้น การพกปืนไปนอกบ้านในที่สาธารณะแม้มีใบอนุญาตอย่างถูกต้อง ถ้าไร้เหตุผลอันสมควร ตำรวจอาจแจ้งข้อหาทั้งสองมาตราหรือมาตรหนึ่งในสองก็ได้ ถ้าไม่เชื่อเหตุผลอันควรของท่านหรือเพื่อป้องกันอันตรายให้มวลชน การพกปืนอย่างเปิดเผย เช่น เสียบปืนที่เอวเดินกร่างทั่วเมืองหรือเข้าไปในงานศพ งานรื่นเริง และอื่นๆ อาจโดนโทษปรับก็ได้ และที่น่าสังเกตคือ ความผิดข้อหามาตรานี้ศาลอาจใช้ดุลพินิจสั่งริบอาวุธก็ได้

ดิ้ว เป็นอาวุธโดยสภาพเพราะมีการสร้างสรรค์รูปร่างและวิธีใช้เพื่อการต่อสู้ จึงมองเป็นอาวุธเช่นเดียวกับมีดหรือปืน อีกทั้งไม่ต้องมีใบอนุญาตด้วย เมื่อมีสภาพเป็นอาวุธ จึงอาจถูกดำเนินคดี หากพกไปในที่สาธารณะโดยเปิดเผย ไปในงานรื่นเริงต่างๆ ตำรวจอาจมองผู้พกดิ้วเป็นคนพกพาอาวุธไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรก็ได้ เช่น พก เสียบ หรือถือไว้แล้วเดินออกนอกบ้าน ก็ใช้ดุลพินิจให้มีความผิดตามมาตรา 371 ซึ่งทำให้ศาลอาจริบดิ้วได้

คำว่า ดุลพินิจ คือ ความเห็นของเจ้าหน้าที่บนพื้นฐาน ความรู้ ประสบการณ์ ที่กฎหมายให้ผู้นั้นตัดสินข้อกล่าวหาดังกล่าวได้ ตำรวจจึงมีอำนาจเต็มที่ในการใช้ดุลพินิจว่าเห็นด้วยหรือไม่เชื่อเหตุผลของผู้พกอาวุธ ก็จะมีความผิดและถูกลงโทษได้ ผู้ที่มีความจำเป็นต้องพกอาวุธออกนอกบ้านจำต้องศึกษาหาความรู้กันว่า ตำรวจเห็นพฤติกรรมอย่างไรที่ถือเป็นเหตุสมควรพกสิ่งนั้นออกไปในที่สาธารณะได้ อาทิเช่น วิธีปลดปืนและกระสุนแยกจากกันแล้วนำไปไว้ในที่หยิบยาก การพกซ่อนมีดหรือดิ้วแล้วหยิบยากขึ้น และหลายวิธี ทั้งนี้เพื่อแสดงเจตนาว่าท่านมีความสุจริตใจในการพกอาวุธในที่สาธารณะมิใช่เพื่อต้องการทำร้ายบุคคลใดอย่างแท้จริง เหตุจำเป็นที่ตำรวจยอมรับฟังและยอมให้พกอาวุธออกนอกบ้านได้ก็ต้องศึกษากันไว้

กรณีมีการวิวาทต่อสู้กันถ้าบุคคลใดชักหรือแสดงอาวุธออกมาขู่กัน แม้จะยังไม่ได้ลงมือทำร้ายกัน ก็มีความผิดในหมวดลหุโทษซึ่งมีโทษจำคุกหรือปรับหรือทั้งจำทั้งปรับตามมาตรา 379 ดังนั้น บุคคลใดโชว์ดิ้ว มีด ปืน เพื่อขู่กันขณะวิวาทต่อสู้กันหรือทะเลาะกัน พึงระวังตัวเองให้มากด้วย จุดประสงค์ที่ลงโทษบุคคลที่ขู่กันด้วยอาวุธเพื่อความสงบสุขในสังคม เลี่ยงอันตรายจากการใช้อาวุธยามขาดสติ

การพกพาอาวุธในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรหรือที่ชุมนุมชนหรืออวดอาวุธขณะทะเลาะวิวาทกันเพื่อข่มขู่ แม้จะเป็นลหุโทษ ค่าปรับและการจำคุกเป็นโทษที่ไม่พึงปรารถนาของบุคคลใด การดำเนินคดีกว่าจะสิ้นสุดเปลืองเวลา เปลืองเงินอย่างมาก อีกทั้งขอเตือนว่า แม้จะมีใบอนุญาตพกพาปืนออกนอกบ้าน หากตำรวจไม่เห็นเหตุผลอันควรในการพกปืนก็จะมีความผิดของหมวดลหุโทษได้ ทั้งนี้เป็นดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ ก่อนจะนำอาวุธพกติดตัวไปนอกบ้าน ขอให้ตั้งสติก่อนว่ามีเหตุจำเป็นยิ่งยวดเพียงใดในการทำเช่นนั้น ถ้าตำรวจไม่เห็นด้วยกับเหตุผลของท่าน ก็จะถูกดำเนินคดี ชีวิตจักวุ่นวายอันเนื่องจากอาวุธ จึงควรระวังอย่างมากเมื่ออยากพกอาวุธในที่สาธารณะและควรศึกษาวิธีพกอย่างปลอดภัยด้วย
                                          
                                 เรียบเรียงโดย Black Cuff
 

Samsung LCD televisions