Thursday, October 28, 2010

1 st Anniversary

1 st Anniversary



Thai self-defense ได้เดินทางมาจนครบ 1 ปีในวันนี้ รู้สึกยินดีอย่างมากที่เป็นส่วนหนึ่งของการแบ่งปันความรู้ให้กับสังคม หวังว่าผู้สนใจทุกท่านจะมีความรู้มากขึ้นในการเอาตัวรอดออกจากสถานการณ์ที่เลวร้ายได้อย่างมีชั้นเชิง


ในการป้องกันตัวนั้นอยากให้ทุกท่านมุ่นเน้นไปที่การป้องกัน หลีกเลี่ยง ไม่ให้เผชิญเหตุการณ์ร้าย ดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาท แต่หากตกอยู่ในภาวะคับขันก็ควรมีความรู้และทักษะมากพอที่จะเอาตัวรอดออกมาได้โดยปลอดภัยหรือบาดเจ็บน้อยที่สุด และเมื่อผ่านเหตุการณ์มาได้ก็ควรพิจารณาหาวิธีป้องกันหรือแก้ไขไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต

การใช้กำลังเข้าแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นขอให้เป็นทางเลือกสุดท้าย และหากจำเป็นต้องใช้ก็ขอให้ใช้ด้วย “สติ” คิดให้ดีก่อน และใช้ด้วยทักษะที่เหนือชั้นกว่าใคร


Thai self-defense พยายามเน้นให้เห็นถึงการใช้ทักษะการป้องกันตัวแบบผสมผสานมากกว่าศิลปะการต่อสู้แขนงใดแขนงหนึ่ง เพราะปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่า การฝึก “การป้องกันตัวแบบผสมผสาน” นั้นมีความยืดหยุ่น เรียนรู้ง่าย ใช้เวลาฝึกฝนไม่นาน และเหมาะสมกับสภาพสังคมปัจจุบันมากกว่า


มีดและปืนถือเป็นอาวุธโดยสภาพและเป็นเครื่องมือในการแสดงเจตนาของผู้ใช้ หากเราแสดงมีดหรือปืนในท่าทีที่คุกคามผู้อื่นโดยไม่เหมาะสม ตัวเราเองอาจกลายเป็นภัยสังคมเสียเอง ในทางกลับกันอาวุธทั้งสองนั้นก็มีประโยชน์อย่างมากในการป้องกันตัวจากภัยคุกคามที่อันตรายร้ายแรง เพราะเมื่ออยู่ในมือของผู้เชี่ยวชาญแล้ว มีดเล่มเล็กๆในมือของคุณอาจเปลี่ยนผลลัพธ์ของสถานการณ์ไปได้อย่างมากมาย


ผมเป็นครูฝึกสอนยิงปืน เรียนรู้และฝึกฝนการใช้อาวุธมีด ดิ้ว (Baton) และการป้องกันตัวด้วยมือเปล่า จึงทราบดีว่าอาวุธเหล่านี้สามารถทำอะไรได้บ้างเมื่ออยู่ในมือของผู้ที่มีทักษะ Thai self-defense เป็นช่องทางหนึ่งในการเผยแพร่ความรู้เหล่านี้ไปสู่ประชาชนเพื่อการป้องกันตัวจากภัยคุกคามในสังคม


หลายคนให้ความสนใจกับการใช้อาวุธปืนมากที่สุด โดยส่วนตัวแล้วอยากให้ใช้อาวุธปืนเป็นทางเลือกสุดท้าย เพราะปัจจุบันปืนมีราคาสูงมากประชาชนส่วนใหญ่จึงไม่มีปืนไว้ในครอบครอง ไม่สามารถพกติดตัวได้ตลอดเวลา (ยกเว้นปืนพกซ่อน ถ้าพกโดยไม่มีเหตุอันสมควรจะผิดกฎหมาย) ต้องการทักษะความชำนาญมากพอสมควรในการใช้ให้มีประสิทธิภาพ และเมื่อใช้แล้วจะมีผลกระทบตามมาอีกมาก มีคำกล่าวของตำรวจอเมริกันท่านหนึ่งซึ่งผมชอบมาก “หากสถานการณ์ใดไม่จำเป็นต้องใช้ปืนในการแก้ไข ก็จงอย่าใช้” เหตุการณ์ส่วนใหญ่ในสังคมไม่จำเป็นต้องใช้ปืนในการแก้ปัญหา


ในขณะที่การป้องกันตัวด้วยวิธีอื่นซึ่งใช้ทรัพยากรไม่มาก ราคาไม่แพง ฝึกฝนได้ไม่ยากนักและติดตัวเราไปตลอดกลับได้รับความสนใจน้อยกว่า อาจเป็นเพราะความกลัวเจ็บตัวจากการฝึกซ้อมและความประมาทที่คิดว่าเรื่องเลวร้ายทั้งหลายในสังคมคงไม่เกิดกับเราหรือคนที่เรารัก อีกทั้งความคิดเรื่องการป้องกันตัวยังผูกติดอยู่กับศิลปะการต่อสู้ (Traditional Martial Arts)


แน่นอนว่าในการฝึกฝนนั้นบางครั้งอาจมีเจ็บเนื้อเจ็บตัวอยู่บ้าง แต่ผลที่ได้ก็คือ ทักษะความสามารถในการเผชิญเหตุและการเอาตัวรอด เสริมสร้างความมั่นใจ รู้จักตัวเองว่าทำอะไรได้และทำอะไรไม่ได้ มีคำขวัญของทหารอเมริกันที่ว่า “ยอมเสียเหงื่อมากตอนฝึก ดีกว่าเสียเลือดในสนามรบ”


สำหรับทุกท่านแล้วอาจมองหาหลักสูตรสอนการป้องกันตัวจากแหล่งอื่นๆที่เน้นการป้องกันตัวแบบผสมผสานเพื่อเรียนรู้เสริมสร้างทักษะการเอาตัวรอด ยิ่งเรามีความรู้มากเท่าไร หลากหลายเท่าไร ยิ่งได้เปรียบ Thai self-defense เป็นเพียงหนึ่งในทางเลือกเหล่านั้น


“สติ-ความรู้-ทักษะ” เป็นสามประสานสำคัญในการป้องกันตัวและเป็นสามปัจจัยหลักซึ่งเรานำมาเป็นสัญลักษณ์ของ Thai self-defense


หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้สนใจทุกท่านจะนำความรู้เหล่านี้ไปใช้อย่างถูกต้องเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเองและครอบครัว


สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณ คุณ Snap shot, คุณ Black Cuff, นายอ่อนหัด ที่กรุณาเอื้อเฟื้อบทความดีๆมาให้กับเรา และหากมีผู้สนใจท่านใดต้องการเผยแพร่ความรู้ให้กับประชาชนเกี่ยวกับการป้องกันตัวสามารถส่งบทความ (ความยาวไม่ควรเกิน 3 หน้ากระดาษ A4 ขนาดตัวพิพม์ 16 points เป็นไฟล์งาน Word) มาได้ที่ thaiselfdefense@gmail.com (ขอสงวนสิทธิในการคัดเลือก ตรวจทาน แก้ไขบทความให้เหมาะสม) หรือต้องการให้ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะก็สามารถทำได้เช่นกัน


เรียบเรียงโดย Batman

Thursday, October 21, 2010

ความเชื่อ VS. ความจริง ภาค 2

ความเชื่อ VS. ความจริง ภาค 2



Thai self-defense ไม่เพียงให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีป้องกันและหลีกเลี่ยงอาชญากรรมความรุนแรงเท่านั้น แต่ยังพยายามสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับข่าวสารหรือข้อมูลที่ผิดเพี้ยนไป ดังนี้ครับ


1. “ผู้หญิงอ่อนแอกว่าผู้ชายมาก ไม่มีทางสู้ผู้ชายได้เลย”


ไม่จริง: นักวิจัยพบว่า แม้ผู้หญิงมีน้ำหนักตัวและกล้ามเนื้อน้อยกว่าผู้ชายโดยเฉลี่ย แต่กล้ามเนื้อของผู้หญิงมีความยืดหยุ่นกว่าผู้ชายส่วนมาก ผู้หญิงมีสัญชาติญาณระวังภัยและมีเล่ห์เหลี่ยมมากกว่า นอกจากนั้นผู้หญิงยังมีความอดทนต่อความเบื่อหน่ายและความเจ็บปวดได้มากกว่าผู้ชาย นักวิจัยยืนยันว่า หากผู้ชายต้องรับความเจ็บปวดเท่ากับผู้หญิงได้รับขณะคลอดลูก ผู้ชายส่วนใหญ่จะเสียชีวิต


2. “ตำรวจ ทหารนั้นรู้ดีเรื่องการรับมือกับอาชญากรรมและการต่อสู้ป้องกันตัว อยากรู้อะไรถามเขาเถอะ”


ไม่จริง: ตำรวจที่เข้าใหม่จะได้รับการอบรมเกี่ยวกับการรับมือกับอาชญากรรมความรุนแรงรวมทั้งการใช้อาวุธประจำกายเพียงไม่กี่เดือน จึงปรากฎว่าตำรวจต้องเสียชีวิตจากการจัดการกับอาชญากรรมและระงับเหตุความรุนแรงอย่างผิดวิธี หรือใช้อาวุธอย่างขาดทักษะเสมอๆ ส่วนทหารนอกจากหน่วยพิเศษต่างๆแล้ว ทหารส่วนมากเรียนรู้เรื่องการต่อสู้และใช้อาวุธเพียงพื้นๆเท่านั้น ปัจจุบันประเทศที่พัฒนาแล้วต้องจ้างเอกชนมาฝึกอบรมกำลังพล เพื่อเพิ่มทักษะและเทคนิคใหม่ๆให้กับกองกำลังพิเศษเป็นประจำ


3. “ยิมนี้มีครูฝึกเป็นถึงอดีตแชมป์มวยอาชีพ เขาต้องสอนให้ผมเป็นแชมป์ได้แน่”


ไม่จริง: ความเก่งในเรื่องใดๆก็ตามเป็นความสามารถเฉพาะตัว คนที่มีความสามารถระดับสูง ใช่ว่าจะสามารถสอนคนอื่นๆให้ประสบความสำเร็จเท่าเขาได้ การพัฒนาความสามารถในเรื่องใดๆก็ตาม ต้องการพรสวรรค์และความทุ่มเทของศิษย์มากกว่าความรู้ความสามารถของครูผู้สอน


4. “วัยรุ่นสมัยนี้ควรฝึกศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวเอาไว้บ้าง ผมเลยให้ลูกสาวเรียนมวยไทย เพราะมวยไทยเหมาะกับคนไทยที่สุด”


ข้อนี้ถูกครึ่งเดียว: Martial Arts แต่ละระบบก็จะเหมาะกับคนบางคนเท่านั้น ระบบไหนเหมาะกับใครก็จะดีที่สุดสำหรับคนๆนั้น การเลือกตามกระแสหรือตามความเชื่อที่ผิดๆไม่เป็นผลดีแน่นอน


5. “เราเป็นมนุษย์ผู้เจริญแล้ว มีอะไรขัดแย้งกันก็ควรแก้ไขด้วยการเจรจา พูดคุยทำความเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องใชกำลัง”


ถูกแต่ถูกไม่หมด: การพูดคุยเจรจากันใช้ไม่ได้กับคนพาลที่เล่นงานคุณเพราะหมั่นไส้ หรือคนร้ายที่เข้าจี้ปล้นเพื่อเอาเงินทอง แม้แต่คนที่กำลังเมาเหล้าหรือยาบ้า ฯลฯ การเจรจามีโอกาสประสบความสำเร็จต้องมีกำลังที่เข้มแข็งหนุนหลังอยู่ด้วย


6. พาดหัวข่าว “ครอบครัวเคราะห์ร้าย ขโมยขึ้นบ้าน 4 ครั้ง ยกเค้าหมดตัว”


ข้อนี้ถูกเพียงหนึ่งในสี่: เหยื่อรายนี้เคราะห์ร้ายครั้งเดียวตอนขโมยขึ้นบ้านครั้งแรก แต่การบุกรุกครั้งที่ 2-3-4 เป็นผลจากความประมาทเลินเล่อ ปล่อยวาง ไม่ใส่ใจช่วยเหลือตัวเอง ปล่อยให้เป็นภาระของคนอื่นให้ตามแก้ปัญหาที่ตัวเองปล่อยให้เกิดขึ้น เท่ากับทำตัวเป็นสายล่อฟ้าที่เรียกร้องให้ขโมยมารุกรานซ้ำแล้วซ้ำเล่า ครอบครัวนี้ขาดสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือ “การป้องกัน”


เรียบเรียงโดย Snap Shot

Friday, October 15, 2010

บันดาลโทสะ

บันดาลโทสะ


คำว่า “บันดาลโทสะ” เป็นคำที่ใช้ในกฎหมายซึ่งก็คือ ความโกรธ ในความเข้าใจของชาวบ้าน เวลาโกรธมนุษย์มักยับยั้งชั่งใจยาก จึงก่อเรื่องผิดกฎหมายขึ้นได้ สายตากฎหมายก็มองพฤติกรรมที่เกิดจากอารมณ์ประเภทนี้ตามหลักธรรมชาติ แต่เพื่อความสงบสุขของสังคมจำต้องมีบทลงโทษเพื่อใช้เตือนใจคนเจ้าอารมณ์ทั้งหลายให้ระวังการแสดงออกด้วยความโกรธ

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 บัญญัติว่า ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ เราจักมองเห็นองค์ประกอบที่ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายแล้วว่า หากการใช้อาวุธด้วยบันดาลโทสะหรือความโกรธนั้น กฎหมายบังคับให้ลงโทษผู้นั้น แต่ยอมให้ลงโทษน้อยกว่าความผิดนั้นเพียงใดก็ได้โดยดุลพินิจของผู้ตัดสิน

กรณีที่พบได้บ่อยในสังคมไทยคือ การทะเลาะกันแล้วชักปืนยิงหรือแทงมีดใส่กัน แล้วอ้างเหตุบันดาลโทสะเพื่อขอลดโทษ ผู้ตัดสินจะใช้ดุลพินิจเพื่อใช้องค์ประกอบเรื่องความโกรธจากพฤติกรรมของผู้ใช้อาวุธ ข้อเท็จจริงในคดี ดังนั้น คนเจ้าอารมณ์อาจไม่ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายด้วยเหตุบันดาลโทสะก็ได้ ตัวอย่างเช่น ชายสองคนทะเลาะกันในวงเหล้าแล้วชักมีดแทงเพื่อนด้วยความโกรธที่เถียงแพ้เขา แม้อ้างเหตุฆ่าเขาเพราะโกรธจัด ก็ไม่ได้รับการคุ้มครองจากเหตุบันดาลโทสะและต้องติดคุกแน่ เนื่องจากการทะเลาะเถียงกันนั้นไม่เข้าข้อที่ว่า ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม แต่ถือเป็นการฆ่าคนด้วยเจตนาโดยใช้อาวุธ


การถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในเหตุบรรเทาโทษเรื่องบันดาลโทสะหรืออารมณ์โกรธ ตัวอย่างเช่น รุ่นพี่ไล่เตะรุ่นน้องด้วยความคึกคะนอง ต่อมารุ่นน้องใช้มีดคัตเตอร์แทงใส่รุ่นพี่ อย่างนี้จะเห็นพฤติกรรมการถูกข่มเหงจนระงับอารมณ์โกรธไม่ได้ หรือ แฟนหนุ่มเห็นสาวคนรักถูกฉุดไปต่อหน้า จึงเข้าไปช่วยเหลือและต่อสู้กับแฟนเก่าของเธอแล้วแทงมีดหรือยิงปืนด้วยความโกรธ หรือ ผัวซ้อมเมียจนบาดเจ็บสาหัส เมียโกรธใช้มีดปังตอทำร้ายผัว หรือ เจ้าหนี้ซ้อมทวงหนี้ ลูกหนี้ฮึดสู้แล้วใช้มีดแทงใส่เขา เป็นต้น มันเป็นพฤติกรรมที่ถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง สิ่งที่ต้องคำนึงด้วยคือ ระดับความร้ายแรงของการถูกข่มเหงนั้น เป็นดุลพินิจของผู้ตัดสินเป็นรายคดีและขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงในคดี ไม่มีหลักตายตัว ดังเช่น เพื่อนสองคนเถียงกันเรื่องการเมืองคนละขั้ว เรื่องหมากัดกัน และอื่นๆ ศาลอาจมองว่าเป็นเหตุไม่ร้ายแรงพอจะอ้างบันดาลโทสะก็ได้


อีกตัวอย่างหนึ่งที่พิพาทและได้ข้อตัดสินในศาลมาแล้ว คือ เพื่อนสองคนเถียงกันในวงเหล้า คนหนึ่งเถียงแพ้แล้วเดินกลับบ้านด้วยความโมโหจัด เข้าบ้านไปหยิบปืนยาวเดินกลับไปบ้านคู่อริที่เถียงชนะ จากนั้นกระหน่ำยิงใส่จนตาย เขาอ้างในศาลว่าทำเพราะโกรธจัดที่เถียงสู้ไม่ได้ ขอให้ลดโทษด้วยเพราะขาดสติจริงๆ ศาลตัดสินคดีนั้นว่า ข้ออ้างเหตุบันดาลโทสะของเขาฟังไม่ขึ้นเนื่องจากระยะห่างจากบ้านเขากับบ้านผู้ตายห่างกันถึง 300 เมตรและยังเดินทางด้วยเท้าอีก ระยะทางและเวลานั้นน่าจะมีสติเพียงพอรู้ว่าควรยุติแล้ว อีกทั้งจะอ้างเหตุนี้ได้จักต้องทำร้ายกันในเวลาโต้เถียงกันเลย มิใช่ปล่อยเวลาผ่านไปมากกว่าสิบนาทีตามเวลาเดินทางของเขา จึงลงโทษจำคุกฐานฆ่าคนโดยเจตนาและใช้เหตุบันดาลโทสะเพื่อลดโทษมิได้


ข้อกฎหมายบังคับให้ศาลต้องลงโทษคนเจ้าอารมณ์ที่ใช้อาวุธก่อเหตุทำร้ายหรือฆ่าอีกฝ่าย คำถามหนึ่งจึงเกิดขึ้นว่า ทำไมหลายคนไม่ได้ถูกจำคุกจริงทั้งที่กฎหมายบังคับให้ลงโทษเขา ? คำตอบ คือ ศาลสั่งลงโทษจำคุกผู้ใช้อาวุธด้วยเหตุบันดาลโทสะน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ จึงลดโทษให้เหลือน้อยพอจะใช้อีกข้อกฎหมายหนึ่ง คือ รอการลงโทษจำคุกไว้ เท่ากับปล่อยให้เป็นอิสระ แม้จะมีความผิดและถูกลงโทษจำคุกก็ตาม


สายตากฎหมายมองมีดหรือปืนเป็นอาวุธอันตราย ทุกครั้งที่ใช้มัน ต้องมีความรับผิดชอบเกิดขึ้นเสมอ เหตุยกเว้นโทษจากกฎหมายนั้นต้องอาศัยดุลพินิจของศาลและข้อเท็จจริงในคดี มันยืนยันว่าตอนใช้อาวุธนั้นผู้ใช้ควบคุมสถานการณ์ได้ หลังจากใช้อาวุธแล้วคนอื่นเป็นผู้ตัดสินชะตากรรมของผู้ใช้เสมอ ดังนั้น การมีสติในการถือครองอาวุธเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อควบคุมผลจากการใช้ให้อยู่ในขอบเขตที่กฎหมายยอมรับได้ เมื่อมีอาวุธก็ควรเรียนรู้เทคนิควิธีใช้ให้ปลอดภัยและควบคุมมันได้เต็มที่เพื่อป้องกันชีวิตและเลี่ยงคดีความในภายหลัง โดยเฉพาะมีดเป็นสิ่งที่กฎหมายควบคุมน้อย แต่ถือเป็นอาวุธที่ฆ่าหรือทำร้ายคนอื่นได้ อีกทั้งต้องรับโทษอาญาไม่ต่างจากการใช้ปืน จึงพึงระวังการใช้หรือพกพามีดด้วย ถ้ารู้ตัวว่าควบคุมโทสะไม่ค่อยได้ ก็ควรเลี่ยงพกมีดหรือของมีคมทุกชนิดก่อนจะต้องไปอยู่ในคุกแทนบ้านแสนสบาย มือเปล่าก็ใช้ป้องกันตัวเองได้ไม่ด้อยกว่ามีดหรือปืน แค่รู้จักเทคนิคใช้มันให้มีประสิทธิภาพเยี่ยงเดียวกับอาวุธ มือเปล่าควบคุมพลังหรือผลของมันได้ง่ายกว่ามีดหรือปืน ก่อนจะเลือกอาวุธใด ทำไมไม่ใช้มือเป็นอาวุธที่น่าจะง่ายและไม่มีต้นทุนสูงเลย ?


เรียบเรียงโดย Black Cuff

Friday, October 8, 2010

Sparing (ฝึกเสมือนจริง)

Sparing (ฝึกเสมือนจริง)



ได้เคยกล่าวไว้ในบทความก่อนหน้านี้แล้วว่า แม้เราจะฝึกศิลปะการต่อสู้ใดๆก็ตามจนนานพอที่จะเกิดความมั่นใจว่าสามารถเอาตัวรอดได้ในสถานการณ์คับขัน แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่มีทางฝึกได้เลยคือ “ความเฉยเมยต่อชีวิตของผู้อื่นและความละเลยต่ออนาคตของตนเอง” ดังนั้นในสถานการณ์จริงที่เต็มไปด้วยรังสีอำมหิต เผชิญหน้ากับคนแปลกหน้าที่มุ่งมั่นจะทำร้ายเราให้ได้ และไม่ลังเลที่จะใช้พละกำลังและอาวุธทุกชนิดมุ่งร้ายต่อเรา ย่อมตกอยู่ในสถานะเสียเปรียบอย่างแน่นอน ทั้งนี้เพราะไม่ว่าเราจะฝึกกับคู่ซ้อมในโรงฝึกหนักแค่ไหน ก็ยังห่างไกลกับสภาพของการถูกจู่โจมทำร้ายบนท้องถนนมากนัก กลุ่มผู้ฝึกการป้องกันตัว (Self-defense) จึงต้องเน้นฝึกเพิ่มอีกหนึ่งลักษณะ คือ “การฝึกซ้อมเสมือนจริง (Sparing)” และอีกหนึ่งความหลากหลาย คือ “อาวุธหลายๆชนิด”


- Sparing คือ การฝึกซ้อมที่เปิดโอกาสให้คู่ซ้อมออกอาวุธหมัด เท้า เข่า ศอก มีด ไม้ ได้อย่างอิสระ แม้จะมีข้อตกลงไว้ก่อนว่า แต่ละฝ่ายต้องพยายามควบคุมแรงให้พอเหมาะ เมื่ออนุญาตให้ฉกฉวยจังหวะและใช้ความเร็วได้เท่าที่จำเป็น โอกาสพลาดพลั้งเป็นอันตรายก็มีได้ จึงต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันให้เหมาะสม อาวุธที่ใช้ก็ต้องเป็นอาวุธปลอมสำหรับฝึกซ้อม Sparing โดยเฉพาะ การฝึกซ้อมลักษณะนี้ให้ความรู้สึกใกล้เคียงความจริงมากกว่าเดิม เพราะเราและคู่ซ้อมไม่มีการนัดแนะกันก่อนจึงต้องระวังตัวจริงๆ การถูกอาวุธของอีกฝ่ายพุ่งเข้ากระแทกร่างกาย แม้ไม่เจ็บรุนแรงแต่ทำให้เราสัมผัสถึงการคุกคามที่กระชั้นชิดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เราจะค้นพบจุดอ่อนของตัวเองและคู่ซ้อม หลังการฝึกเมื่อมีการพูดคุยและวิเคราะห์ ทั้งคู่ก็จะสามารถพัฒนาการป้องกันตัวที่เรียนมาให้สามารถใช้งานได้จริง


- ความหลากหลาย สุจริตชนเมื่อเผชิญหน้ากับภัยคุกคามบนท้องถนนมักมีจุดอ่อนที่สำคัญคือ ตัวเราไม่มีเจตนามุ่งร้ายอยู่ในจิตใจตั้งแต่แรก ทำให้ขาดพลังและสมาธิที่จะต่อสู้ป้องกันตัว ผู้ฝึกการป้องกันตัวจึงแนะนำให้หาตัวช่วยต่างๆมาเสริมจุดอ่อน วิธีหนึ่งคือหาอาวุธซ่อนรูปมาใช้ คนที่เคยฝึก Martial Arts มาก่อน มักมีการฝึกอาวุธโบราณร่วมด้วย เช่น มีด ดาบสองมือ พลองยาว กระบองสั้น ฯลฯ ส่วนใหญ่มักให้ความใส่ใจแต่เพียงผิวเผินเพราะฝึกแล้วก็ไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้ติดตัวไปได้ เราจึงขอแนะนำให้ฝึกอาวุธหลากหลายชนิดยิ่งขึ้น เวลาคับขันหยิบฉวยเครื่องมือรอบตัวมาใช้ได้ แน่นอนในการฝึกแบบ Sparing ก็ต้องใช้อุปกรณ์ที่ออกแบบเฉพาะและมีเครื่องป้องกันที่เหมาะสม เราต้องฝึกอาวุธหลากหลายเพราะไม่รู้ว่าในสถานการณ์จริง จะสามารถคว้าเอาอุปกรณ์อะไรมาเป็นอาวุธได้บ้าง การฝึกแบบนี้ทำให้เราคุ้นเคยและเกิดทักษะที่จำเป็นในการใช้อาวุธป้องกันตัวในอนาคต


“เครื่องมือทุกชนิดจะใช้ได้ผลเมื่อใช้อย่างชำนาญ และจะชำนาญจริงๆเมื่อฝึกใช้ในสถานการณ์จริงเท่านั้น”


เรียบเรียงโดย Snap shot

Thursday, October 7, 2010

การฝึกอบรม SELF-DEFENSE WITH A KNIFE

การฝึกอบรม SELF-DEFENSE WITH A KNIFE



เปิดรับการฝึกอบรมการป้องกันตัวด้วยอาวุธ “มีด” สำหรับประชาชนทั่วไป


จุดประสงค์ เพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะการป้องกันตัวด้วยอาวุธ “มีด” ให้กับประชาชนทั่วไป


เนื้อหาการฝึกอบรม (การบรรยายและปฏิบัติ)


- หลักการป้องกันตัวและการประเมินสถานการณ์


- ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอาวุธมีด


- การถือมีด (Knife griping) ท่าเตรียมพร้อม (Fighting stance)


- พื้นฐานรูปแบบและทิศทางการโจมตีด้วยมีด (Basic patterns and directions of knife attack)


- การเคลื่อนที่ (Footwork)


- กลยุทธ์การป้องกันตัวด้วยมีด (Strategy of self-defense with a knife)


- การฝึกซ้อมการป้องกันตัวด้วยมีด (Knife sparring and drill)


ระยะเวลาการฝึกอบรม วันจันทร์ - พฤหัส เวลา 18.00 - 20.00 น., วันศุกร์ - เสาร์ เวลา 13.00 - 20.00 น., วันอาทิตย์ เวลา 16.00 - 20.00 น. (จะโทรยืนยันวันฝึกที่แน่นอนอีกครั้ง)


ผู้รับการฝึกอบรม หญิงหรือชาย อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป (ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ต้องมีผู้ปกครองยินยอม) รับจำนวนจำกัด


สถานที่ ห้อง 512 ชั้น 5 บ้านราชา เลขที่ 88/8 ถ. อ่อนนุช-ลาดกระบัง ซอย 14/1 แยก ราชา 3 แขวง ราชาเทวะ อ. บางพลี จ. สมุทรปราการ


แผนที่


GPS N 13-42-936, E 100-42-953


ค่าฝึกอบรม 600 บาท/ช.ม./ท่าน (เรียนส่วนตัว), 500 บาท/ช.ม./ท่าน (เรียนกลุ่มย่อยตั้งแต่ 2 ท่านขึ้นไป)


การแต่งกาย เสื้อยืด กางเกงวอร์ม หรือ แต่งกายรัดกุม


อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย แว่นตานิรภัย (ถ้ามี), มีดซ้อม (ถ้ามี), Arm guard (ถ้ามี), ถุงมือ (ถ้ามี)


เอกสารประกอบการสมัคร ใบสมัคร, สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 1 ใบ, ใบยินยอมจากผู้ปกครอง (ในกรณีผู้รับการฝึกอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์)


ครูฝึก ครู วีระ (Batman)


ติดต่อ ครู วีระ (Batman) โทร. 081-666-0266, Fax. 02-349-6207


e-mail : thaiselfdefense@gmail.com


www.thaiselfdefense.com

การฝึกอบรม THAI SELF-DEFENSE WEEK 1 # 2

การฝึกอบรม THAI SELF-DEFENSE WEEK 1 # 2



เปิดรับการฝึกอบรม “สัปดาห์การป้องกันตัวสำหรับประชาชนทั่วไป ระดับ 1 ครั้งที่ 2”


จุดประสงค์ เพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะการป้องกันตัวในสถานการณ์วิกฤติให้กับประชาชนทั่วไป


เนื้อหาการฝึกอบรม (การบรรยายและปฏิบัติ)


- หลักการป้องกันตัวและการประเมินสถานการณ์


- ความรู้พื้นฐานการป้องกันตัวด้วย “มือเปล่า”


- ความรู้พื้นฐานการป้องกันตัวด้วย “อาวุธมีด”


เวลาการฝึกอบรม วันเสาร์ที่ 20 พ.ย. 2553 เวลา 9.00 – 16.00 น. (2 คาบๆละ 3 ช.ม.)


ผู้รับการฝึกอบรม หญิงหรือชาย อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป (ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ต้องมีผู้ปกครองยินยอม) ไม่มีโรคประจำตัวซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการฝึกอบรม (รับจำนวนจำกัด ไม่เกิน 14 ท่าน)


สถานที่ ชั้น 3 ร้านขอขวัญ เลขที่ 102/24 ซอย พัฒนาการ 58 เยื้อง ร.ร. เตรียมพัฒนาการ เขต สวนหลวง กรุงเทพฯ 10250


แผนที่


GPS N 13-43-832, E 100-38-871


ค่าฝึกอบรม (โอนเงินหรือชำระที่ศูนย์ฝึกล่วงหน้า) 1500 บาท/ท่าน (รวมค่าอาหารกลางวัน)


สิ้นสุดวันรับสมัคร 15 พ.ย. 2553


การแต่งกาย เสื้อยืด กางเกงวอร์ม หรือ แต่งกายรัดกุม


เอกสารประกอบการสมัคร สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 1 ใบ, ใบยินยอมจากผู้ปกครอง (ในกรณีผู้รับการฝึกอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์)


ครูฝึก ครู วีระ (Batman), ครู เจี๊ยบ, ครู เดช (Snap shot)


ติดต่อ ครู วีระ (Batman) โทร. 081-666-0266, Fax. 02-349-6207


e-mail : thaiselfdefense@gmail.com


www.thaiselfdefense.com

Easy Defense Studio



Easy Defense Studio



สถานที่เรียน การป้องกันตัว (Self-defense) และศิลปะมวยไทยไชยาในห้องเรียนติดแอร์ สำหรับเยาวชนและสุภาพชนทั่วไป


ตั้งอยู่ที่ ชั้น 3 ร้านขอขวัญ เลขที่ 102/24 ซอย พัฒนาการ 58 เยื้อง ร.ร. เตรียมพัฒนาการ เขต สวนหลวง กรุงเทพฯ 10250


GPS: N 13-43.832  E 100-38.871

สอบถามรายละเอียดที่ ครูเจี๊ยบ โทร. 081-911-8945


วิชาที่เปิดสอน


จันทร์ 14.30-16.00 น. Self-defense ครูเดช


16.30-18.00 น. Self-defense ครูเดช


อังคาร 14.30-16.00 น. มวยไทยไชยา ครูไกรทอง

16.30-18.00 น. มวยไทยไชยา ครูไกรทอง

พุธ 14.30-16.00 น. Self-defense ครูเดช


16.30-18.00 น. Self-defense ครูเดช


พฤหัส 14.30-16.00 น. มวยไทยไชยา ครูไกรทอง

16.30-18.00 น. มวยไทยไชยา ครูไกรทอง

ศุกร์ 14.30-16.00 น. Self-defense ครูเจี๊ยบ, ครูเดช

16.30-18.00 น. มวยไทยไชยา ครูไกรทอง

 
เสาร์ 10.00-12.00 น. Knife defense ครูเดช


13.00-15.00 น. Knife defense ครูเดช


อาทิตย์ 10.00-12.00 น. Knife defense ครูเจี๊ยบ, ครูเดช

13.00-15.00 น. Knife defense ครูเจี๊ยบ, ครูเดช

สอนฟันดาบไทยและมีดไทย โดยครู กิ้ม สถานที่ฝึก Easy defense club ค่าฝึกอบรม 300 บาท/ท่าน (อย่างน้อย 2 ท่านต่อ 1 ช.ม. 30 นาที) หรือ 500 บาท/ท่าน (เรียนส่วนตัว, 1 ช.ม. 30 นาที)

หมายเหตุ Self-defense : การป้องกันตัว, Knife defense : การป้องกันตัวจากอาวุธมีด


ค่าฝึกอบรม :


ทุกวิชา ครั้งละ 300 บาท ต่อ 1 ช.ม. 30 นาที


คอร์สละ 3000 บาท ต่อ 10 ครั้ง, คอร์สละ 5000 บาท ต่อ 10 ครั้ง  สำหรับการฝึกอบรมศิลปะการใช้มีดเพื่อป้องกันตัว


คุณสมบัติผู้รับการฝึกอบรม : มาสมัครด้วยตนเอง, เป็นผู้มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการฝึกอบรม, ผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ต้องมีผู้ปกครองยินยอม


Self-defense อายุตั้งแต่ 12 ปี ขึ้นไป


Knife defense อายุตั้งแต่ 15 ปี ขึ้นไป


มวยไทยไชยา อายุตั้งแต่ 12 ปี ขึ้นไป

Friday, October 1, 2010

AMOK!

AMOK!



เมื่อไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาสไปพบ Mr. Randy Hodges และ ครู นก (Nok) ภรรยา ที่บ้านพัก จ. อุดรธานี ซึ่งอยู่ใกล้สนามบินมากโดยคุณ Snap shot เป็นผู้แนะนำ ทั้งคู่เป็น Qualified AMOK! Instructor และถือโอกาสไปเรียนรู้การป้องกันตัวด้วยมีดและมือเปล่ากับทั้งสองท่านในรูปแบบของ AMOK! ขนานแท้


Mr. Tom Sotis เป็นผู้คิดค้นรูปแบบการต่อสู้ป้องกันตัว AMOK! เมื่อหลายสิบปีก่อน โดยมีจุดเด่นที่การใช้มีดเพื่อป้องกันตัว ซึ่งมีพื้นฐานมาจากศิลปะการต่อสู้ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีการประยุกต์และรวบรวมแนวคิดให้เป็นหมวดหมู่ชัดเจน เรียนรู้ง่าย มีประสิทธิภาพ สามารถนำไปปรับใช้กับการป้องกันตัวด้วยมือเปล่าและอาวุธอื่นๆได้ เช่น ไม้กระบองสั้น (Stick) รวมไปถึงการใช้สิ่งของรอบตัวนำมาเป็นอาวุธ (Improvised weapons)


AMOK! มีการสอนกันอย่างแพร่หลายทั่วโลกและเป็นที่นิยมมากในประเทศอัฟริกาใต้ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งที่มีการก่ออาชญากรรมสูง และ AMOK! ได้พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพดีเยี่ยมในการป้องกันตัวในสังคมยุคปัจจุบัน


AMOK! ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในหลายประเทศเพื่อใช้ในการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เช่น Russian Spetsnaz / Counter-Terrorism, South African Special Forces, United States Military, United States Federal Law Enforcement, Greek Coast Guard, New Zealand Prison Guards, Russian Karat Executive Protection Academy, Trainers of the Guardian Angels เป็นต้น


หลักสูตรของ AMOK! จะครอบคลุมทั้งการเตรียมตัวก่อนต่อสู้ (Pre-fight Planning) ขณะต่อสู้ (Fight Planning) และ หลังการต่อสู้ (Post-fight Planning)


ในการฝึกการต่อสู้ด้วยมีดซึ่งเป็นจุดเด่นของ AMOK! นั้น ผู้รับการฝึกจะได้เรียนรู้แนวทางและวิธีการฝึกตามรูปแบบของ AMOK! อย่างเป็นขั้นตอน โดยเน้นที่หลักการ (Principle) มากกว่าให้จำท่าทางเป็นการเฉพาะเจาะจง ผู้รับการฝึกจึงสามารถนำหลักการดังกล่าวไปปรับใช้กับการป้องกันตัวด้วยมือเปล่าและอาวุธชนิดอื่นได้อย่างไม่ยากเย็น


ทั่วโลกอาจมี AMOK! Trainer หลายคนแต่มีเพียง 9 คนที่อยู่ระดับกูรูซึ่ง Mr. Randy Hodges เป็นหนึ่งในนั้น จึงเป็นโอกาสอันดีที่ผู้รักการฝึกมีดเพื่อป้องกันตัวในประเทศไทยจะได้เก็บเกี่ยวความรู้จากหนึ่งในรูปแบบการใช้มีดที่มีประสิทธิภาพ...... AMOK!


เนื่องจากระยะเวลาที่ผมไปนั้นสั้นมากจึงถือว่าเป็นหลักสูตรเร่งลัด Mr. Randy และครู นก พยายามถ่ายทอดความรู้ให้อย่างเต็มที่ ทำให้เห็นรูปแบบและลักษณะเด่นของ AMOK! ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งอัธยาศัยของทั้งสองท่านก็เป็นกันเอง ทำให้การฝึกไม่เครียดและราบลื่นอย่างมาก ปกติจะฝึก 4 ช.ม. ต่อวัน โดยแบ่งเป็นช่วงเช้า 2 ช.ม. กับช่วงบ่ายหรือเย็นอีก 2 ช.ม.


สำหรับใครซึ่งไม่ชำนาญภาษาอังกฤษก็ไม่ต้องกังวลไปเพราะครู นก จะช่วยแปลและอธิบายให้ตลอดการฝึกอบรม ที่บ้านของ Mr. Randy มีมีดซ้อมให้ใช้ แต่ควรเตรียมแว่นตานิรภัยไปด้วยและถ้าใครผิวหนังบอบบางก็ควรเตรียม Arm guard เพื่อป้องกันรอยเขียวช้ำที่ท่อนแขนจากการฝึก


ถ้าใครสงสัยว่าผู้หญิงสามารถใช้มีดต่อสู้ป้องกันตัวได้จริงหรือ เมื่อเห็นครู นก ใช้มีดให้ดูก็จะรู้คำตอบและจะประทับใจว่า มีดทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆสามารถเอาตัวรอดและต่อกรกับผู้ชายตัวใหญ่ๆได้


ผู้สนใจสามารถเดินทางไปฝึกที่บ้านพักของ Mr. Randy และครูนก เป็นการส่วนตัวหรือหมู่คณะ โดยติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ครู นก เกี่ยวกับรูปแบบการฝึก ที่พัก ค่าฝึกอบรม ทาง E-mail : amok_nok@hotmail.com ซึ่งการเดินทางโดยเครื่องบินจะใช้เวลาประมาณ 1 ช.ม. ทางรถไฟประมาณ 12 ช.ม. ทางรถยนต์ประมาณ 6 ช.ม. (ลูกศิษย์ของ Mr. Randy ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติซึ่งต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนกับเขา ดังนั้นผู้ที่อยู่เมืองไทยจึงถือว่าได้เปรียบอยู่มาก และ Mr. Randy กับครู นก ก็เต็มใจที่จะสอนคนไทยเช่นกัน)


นอกจากนั้นยังสามารถลงชื่อที่ Thai self-defense เพื่อรวบรวมสมาชิกให้ได้จำนวนหนึ่งเพื่อเดินทางไปรับการฝึกอบรมกับ Mr. Randy และครูนก ถือเป็น Knife training trip อย่างหนึ่ง


การได้เรียนรู้การใช้มีดในหลายๆระบบจะทำให้เราหูตากว้างไกล รู้ว่าตัวเองมีข้อดี ข้อด้อย ข้อจำกัดอย่างไร แล้วนำไปปรับปรุงแก้ไข จงเรียนรู้ต่อไปเรื่อยๆ อย่าได้หยุด (Keep learning)


สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับมีดขอให้มี “สติ”


เรียบเรียงโดย Batman
 

Samsung LCD televisions