skip to main |
skip to sidebar
ขอแนะนำ “ATEMI”
คุณอาจเคยดูรายการโทรทัศน์ที่เชิญดาราหรือนักร้องหน้าใหม่ที่เคยเรียนศิลปะการต่อสู้ (Martial Art) มาร่วมรายการและถูกเชิญให้แสดงทักษะเหล่านั้นให้ดูโดยมีพิธีกรร่วมเป็นคู่แสดง ผลกลับปรากฏว่าการแสดงท่าต่างๆกลับไม่ราบรื่น อาจเป็นเพราะผู้แสดงขาดทักษะความชำนาญ หรือเกรงว่าพิธีกรจะบาดเจ็บจากการใช้กำลังหรือพิธีกรเกร็งต้านการแสดงท่าต่างๆ
หากดาราหรือนักร้องเหล่านั้นใช้ทักษะหนึ่งที่สำคัญร่วมด้วย ก็จะทำให้การแสดงราบรื่นขึ้น ทักษะที่ว่านั่นคือ “ATEMI” (อ่านว่า อะ-เท-มิ) หมายถึง “การเบี่ยงเบนความสนใจ” กลุ่มที่สอนการป้องกันตัว (Self-defense) ส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับ ATEMI เพราะเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้การป้องกันตัวบรรลุเป้าหมาย
ความแตกต่างของการฝึกศิลปะการต่อสู้หรือการป้องกันตัวกับสถานการณ์จริง คือ ในการฝึกซ้อมทั้งเราและคู่ซ้อมถือมีหน้าที่ที่ต้องดูแลความปลอดภัยของกันและกันจึงต้องรู้จังหวะเป็นอย่างดี เมื่อจู่โจมเราก็ระวังไม่ให้เร็วหรือแรงจนรับไม่ทัน เมื่อเราตอบโต้กลับเขาก็ยอมตามแรงเพื่อให้การฝึกเป็นไปอย่างราบรื่น กรณีเช่นนี้ ATEMI ก็ไม่จำเป็น
แต่ในสถานการณ์จริงคู่ต่อสู้ของเรามีความมุ่งมั่นที่จะทำร้ายเราอย่างเต็มที่ ดังนั้นการจู่โจมของเขาจะรวดเร็วและรุนแรง ถ้าเราพลาดท่าถูกเขาคว้าจับมือ เท้าหรือล็อกคอ เขาจะทุ่มเทเรี่ยวแรงอย่างไม่ออมมือ เมื่อเราดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระ เขาก็พร้อมจะแข็งขืน ต่อต้าน ยิ่งเราไม่แข็งแรง ไม่แม่นยำในเทคนิคของ Martial Art เขาก็อาจใช้อาวุธเล่นงานเราอย่างไม่ลังเล จึงเป็นเรื่องยากที่จะป้องกันตัวให้ปลอดภัยได้
ครูฝึกการป้องกันตัวจึงต้องแนะนำผู้รับการฝึกให้รู้จักใช้ ATEMI เพื่อเพิ่มโอกาสรอดมากขึ้น
ATEMI คืออะไรก็ได้ที่ใช้เบี่ยงเบนความสนใจของคนร้ายให้หันเหไปจากคุณ ทำให้เขาเผลอ จนเสียจังหวะที่จะควบคุมหรือทำร้ายคุณ เปิดโอกาสให้คุณจู่โจมหรือดิ้นรนหลุดรอดจากการถูกควบคุมได้
ในขณะที่คุณถูกคุกคามด้วยโทษะ ATEMI คือ คำพูดปลอบใจให้เขาสงบสติอารมณ์ลง ชี้ให้เห็นบาป บุญ คุณ โทษ และผลของความผิด ทำให้เขาลังเลที่จะทำร้ายคุณ ท้ายสุดหากเขามีท่าทีจะทำร้ายคุณแน่ๆ คุณอาจตะโกนหรือร้องให้เขาตกใจจนคุณฉวยโอกาสจู่โจมจุดอ่อนที่คุณหมายตาไว้ แล้วสะบัดตัวจากการควบคุมหลบหนีออกมาได้
หากคุณพลาดพลั้งถูกคนร้ายเข้าประชิดใช้อาวุธมีด ปืน จี้หรือถูกควบคุมด้วยการกุมมือถือแขน ATEMI ของคุณอาจเป็นคำอุทาน เบิ่งตาอย่างตื่นเต้นไปที่ด้านหลังคนร้ายราวกับว่ามีใครสักคนกำลังพุ่งเข้ามาเล่นงานเขา เมื่อเขาตกใจหันไปมอง คุณได้จังหวะคว้ากุมหักล็อก ปลดอาวุธ หรือสะบัดตัวหลุดจากการถูกควบคุม
บางครั้ง ATEMI คือ การลวงตาคู่ต่อสู้ คุณขยับเท้าจะเตะขวาแต่กลับชกด้วยหมัดขวาแทน หรือ ATEMI อาจหมายถึง วัตถุสิ่งของ เช่น พวงกุญแจหรือเศษเหรียญ ที่คุณโยนใส่หน้าคนร้าย หรือกระเป๋าสตางค์ กระเป๋าถือ ที่คุณโยนออกห่างตัวทำให้คนร้ายเบนสายตาออกจากคุณ แล้วอาศัยจังหวะนั้นหลบรอดมาได้
แต่ละคนเลือกใช้ ATEMI ไม่เหมือนกัน ขึ้นกับความถนัดและสถานการณ์ที่แตกต่าง คุณต้องค้นหาเองว่าวิธีไหนในสถานการณ์ใดที่เหมาะกับคุณ และฝึกควบคู่ไปกับการป้องกันตัวของคุณ ทักษะที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ ATEMI และการป้องกันตัวผสมผสานกันจนเป็นธรรมชาติ ช่วยเพิ่มพลังและความมั่นใจได้อย่างแน่นอน
“ป้องกันตัวอย่างได้ผลต้อง เร็ว แรงและแม่นยำ”
เรียบเรียงโดย Snap shot
Tiger Kidnappings
คำว่า Tiger Kidnapping หรือ Tiger Robbery หมายถึง อาชญากรรมซึ่งมุ่งหวังทรัพย์สินหรือข้อมูลจากเหยื่อโดยการใช้กำลังบังคับและมีการวางแผนไว้อย่างรัดกุม ส่วนใหญ่มักทำเป็นขบวนการมีผู้ร่วมก่อการหลายคน
การที่ได้ชื่อว่า Tiger Kidnapping ก็เพราะเป็นปฏิบัติการที่คล้ายกับพฤติกรรมของ “เสือในการออกล่าเหยื่อ” โดยก่อนที่จะจู่โจมจะมีการจ้องมองเลือกเหยื่อที่ต้องการ ย่องเข้าหาเหยื่ออย่างช้าๆ เมื่อได้จังหวะก็จะกระโจนเข้าตระครุบเหยื่ออย่างรวดเร็ว
พวก Tiger Kidnapper มักมีจุดประสงค์ที่ทรัพย์สินเงินทองหรือข้อมูลซึ่งสำคัญบางอย่างจากเหยื่อ โดยมีขั้นตอนการปฏิบัติการคล้ายๆกัน ดังนี้
- การติดตามเหยื่อ (Stalking) คนร้ายจะตรวจสอบประวัติของเหยื่ออย่างละเอียดทั้งหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัว มีการติดตามดูชีวิตประจำวันเพื่อวางแผนในการโจมตี ส่วนใหญ่มักเลือกการโจมตีที่บ้าน ขณะเดินทางหรือช่วงทำกิจกรรมประจำวันที่ทำบ่อยๆเป็นแบบแผนซึ่งง่ายแก่การลงมือ
- การบุกรุกเข้าหาเหยื่อ (Entry) หากเป็นการบุกรุกเข้ามาในบ้าน คนร้ายจะบุกอย่างรวดเร็วและรุนแรงเพื่อควบคุมทุกคนในบ้านให้ได้ อาจมีการตัดสายโทรศัพท์ในบ้าน การพันธนาการเหยื่อ จับแยก ข่มขู่ หรือใช้กำลังทำร้าย เพื่อให้เหยื่อทำตามและไม่อาจขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้
- การควบคุมเหยื่อ (Control) หากคนร้ายพบเหยื่อที่ต้องการแล้วจะทำการข่มขู่ บังคับ เพื่อให้เหยื่อยินยอมทำตามที่คนร้ายต้องการอันนำไปสู่การได้มาซึ่งทรัพย์สินหรือข้อมูล โดยอาจใช้ความปลอดภัยของสมาชิกในครอบครัวเป็นเครื่องต่อรอง เช่น การบังคับให้ไปเบิกเงินหรือโอนเงินจากธนาคารเป็นจำนวนมาก เปิดตู้เซิฟในบ้านหรือธนาคารเพื่อเอาทรัพย์สินมีค่า เป็นต้น
- การทำให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินหรือข้อมูล (Event) เป็นการนำตัวบุคคลเป้าหมายไปกระทำการบางอย่างเพื่อให้ได้ทรัพย์สินหรือข้อมูลมา เช่น อาจแยกบุคคลเป้าหมายออกจากตัวประกันคนอื่นแล้วพาขึ้นรถไปธนาคาร หรือพาไปเปิดตู้เซ็ฟ เป็นต้น
- การสังหารตัวประกัน (Kill hostages) เมื่อคนร้ายได้ทรัพย์สินหรือสิ่งที่ต้องการแล้ว ก็จะสังหารตัวประกันทั้งหมดเพื่อไม่ให้มีพยานชี้ตัว
- การหลบหนี (Escape) หลังจากนั้นคนร้ายก็จะแยกย้ายกันหลบหนี
ไม่ว่าบริษัทหรือองค์กรใดจะมีอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่เข้มแข็งเพียงใด “มนุษย์” ถือว่าเป็นจุดอ่อนที่สุดจุดหนึ่งของระบบรักษาความปลอดภัย ดังนั้นคนร้ายที่ต้องการบางอย่างจากบริษัทหรือสถานที่ที่มีการรักษาความปลอดภัยสูงเหล่านี้ จะมุ่งมาที่ตัวบุคคลในองค์กรนั้นซึ่งสามารถทำให้คนร้ายบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการได้
หากคนร้ายบุกรุกเข้ามาด้วยการปิดหน้าปิดตา เช่น ใส่หมวกไหมพรม ไม่ให้ใครเห็นใบหน้าที่แท้จริง เมื่อพวกเขาได้สิ่งที่ต้องการไปแล้วก็มีโอกาสที่คนร้าย “อาจจะ” ไว้ชีวิตตัวประกัน แต่หากพวกเขาเปิดเผยใบหน้าให้เหยื่อเห็นก็จงตระหนักไว้ว่ามีโอกาสสูงที่เหยื่อจะถูกสังหารเมื่อคนร้ายได้สิ่งที่ต้องการไปแล้ว
หากเราตกอยู่ในสถานการณ์นี้ไม่ว่าจะเป็นตัวประกันหรือบุคคลเป้าหมายของคนร้าย ต้องตั้ง “สติ” ให้ดี คิดหาทางหนี แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยเร็วที่สุด อาจเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายนี้จบลงโดยมีการสูญเสียน้อยที่สุด
Tiger Kidnappings เป็นสิ่งที่ยากแก่การป้องกันและแก้ไข เพราะคนร้ายจะกระทำการหลายคน มีการแบ่งแยกหน้าที่กันทำงานอย่างชัดเจน มีการวางแผนอย่างรัดกุม และพร้อมที่จะใช้ความรุนแรงเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ
สำหรับบริษัทที่มีความเสี่ยงสูงอันอาจตกเป็นเป้าหมายของคนร้าย ควรมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีโดยพิจารณาถึงกรณีของพนักงานระดับสูงซึ่งอาจตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ด้วย และที่สำคัญคือ จิตสำนึกของการรักษาความปลอดภัย (Security-conscious) ของพนักงานเอง เช่น ไม่บอกตำแหน่งหน้าที่การงานของตนในที่สาธารณะ ผับ บาร์ เป็นต้น
ปัญหา Tiger Kidnappings ในปัจจุบันมีสถิติสูงขึ้นทุกปี ในไทยเองก็มีคดีลักษณะนี้ให้เห็นเป็นระยะๆและมีความถี่เพิ่มขึ้นเช่นกัน จำไว้ว่า “การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไข” การเอาตัวรอดออกจากสถานการณ์ขึ้นอยู่กับ สติ ความรู้และทักษะในการเอาตัวรอดของเหยื่อเป็นสำคัญ
สุดท้ายนี้ขอให้ตั้ง “สติ” ทุกครั้งเมื่อเผชิญเหตุ และขอให้ “พลังจงอยู่กับท่าน”
เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจาก Home invasion ของ Discovery channel, Can 'tiger kidnappings' be prevented? ของ Chris Summers, Wikipedia
มีด มีด มีด ทำไมต้องมีด
ผู้ที่ติดตามอ่านบทความใน Thai self-defense เป็นประจำคงพอทราบได้ว่า เราให้ความสำคัญกับการใช้อาวุธมีดเพื่อป้องกันตัวเป็นพิเศษ ซึ่งหลายท่านที่เคยฝึกศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวระบบต่างๆ อาจนึกว่าทาง Thai self-defense พยายามโน้มน้าวจิตใจของผู้อ่านให้กระด้าง โหดร้ายจนถึงกับใช้อาวุธที่อันตรายกับผู้ที่มาคุกคามเราทั้งๆที่มีวิธีอื่นซึ่งนุ่มนวลกว่า ผมขอเรียนว่า Thai self-defense ยังคงยืนยันหลักการในการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับผู้คุกคามเสมอ แต่ในกรณีที่สถานการณ์บังคับจนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้แล้ว เราอยากเตือนให้คุณประเมินความสามารถของตัวเอง เปรียบเทียบกับเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นตรงหน้า เพราะอันตรายที่คุกคามอาจรุนแรงถึงชีวิตอีกทั้งอาจส่งผลกระทบต่อทุกคนที่คุณรักและคนที่คุณมีหน้าที่ต้องดูแล ดังนั้นการแก้ไขสถานการณ์จึงต้องทำทุกวิธีที่อาจเพิ่มทางรอดให้กับคุณ
เมื่อพูดถึงการป้องกันตัวต้องถามตัวเองว่า คุณจะป้องกันตัวจากใคร สมมุติคุณเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง (ซึ่งนับเป็นเหยื่อยอดนิยมของอาชญากรส่วนใหญ่) บุคคลที่คุณอาจต้องต่อสู้ด้วย คือ
1. ผู้หญิงที่ไม่มีทักษะการต่อสู้
2. ผู้ชายที่ไม่มีทักษะการต่อสู้
3. หญิงหรือชายที่มีทักษะการต่อสู้
4. หญิงหรือชายที่มีร่างกายใหญ่โตกว่าคุณ
5. คู่ต่อสู้มือเปล่าหลายคน
6. คู่ต่อสู้ที่ใช้อาวุธไม้ท่อน
7. คู่ต่อสู้ที่มีมีด
8. คู่ต่อสู้ที่มีปืน
9. คู่ต่อสู้หลายคนที่มีอาวุธมีด ไม้
ในการประเมินผลแพ้ชนะของการต่อสู้ใดๆก็ตาม เราจะมองที่ความได้เปรียบเสียเปรียบของแต่ละฝ่าย ซึ่งผู้ที่ได้เปรียบมักได้รับชัยชนะ ลองมาดูกันว่าคุณมีต้นทุนอะไรบ้าง
ตามหลักเกณฑ์ทั่วๆไป หากคุณฝึกศิลปะการต่อสู้ (Martial Arts) ไม่ว่าจะเป็นระบบใดก็ตามอย่างสม่ำเสมอเป็นเวลา 4 ปี ก็น่าจะได้สายดำอันเป็นระดับที่ยอมรับกันว่า “ใช้ได้” ซึ่งในระดับนี้คุณน่าจะได้เปรียบผู้หญิงและผู้ชายทั่วไปซึ่งเป็นการต่อสู้บนเบาะในโรงฝึก หรือในการแข่งขัน Martial Arts ที่มีกฎกติกา แต่หากคุณพบคนร้ายที่เป็นชายบนท้องถนนคุณจะเริ่มเสียเปรียบทันที หรือกับหญิงและชายที่มีทักษะการต่อสู้คุณจะยิ่งเสียเปรียบ อีกทั้งหญิงหรือชายที่ตัวใหญ่กว่าคุณมากๆด้วย รวมทั้งคู่ต่อสู้หลายคนรุมเล่นงานหรือคนร้ายซึ่งมีอาวุธมีด ไม้ คุณก็มีโอกาสแพ้มากขึ้น
หลังจากฝึกต่อเนื่องกันถึง 4 ปี คุณมีโอกาสชนะเพียงหญิงทั่วไปที่ไม่ได้ฝึกอะไรมาเท่านั้น แต่หากคุณมีเครื่องทุ่นแรงหรือฝึกใช้อุปกรณ์การป้องกันตัวอย่างอื่นด้วย คุณจะมีโอกาสเอาตัวรอดมากขึ้น แต่ปัญหาของเครื่องทุ่นแรงเหล่านี้ เช่น ดาบ ไม้พลอง กระบองสั้น กระบองสองท่อน คือ มันมีขนาดที่ไม่อาจพกพาติดตัวไปได้สะดวกนัก
หากคุณพกอาวุธปืนก็มีข้อเสียหลายอย่าง อาทิเช่น มีราคาสูงและค่าปรับ (ในกรณีตำรวจตรวจพบ) ที่แพงมาก มีเรื่องยุ่งยากทางกฎหมายตามมามากมาย อีกทั้งค่ากระสุนซ้อมและค่าเรียนยิงปืนให้ชำนาญ จึงมีไม่กี่คนที่จะซื้อหามาใช้ป้องกันตัวได้
ยังมีอีกทางเลือกหนึ่ง คือ มีดพก ซึ่งราคาไม่แพงนัก ขนาดกระทัดรัด สามารถพกพาได้สะดวก หากคุณเลือกเรียนรู้ฝึกฝนการใช้มีดกับผู้ชำนาญโดยตรงสัก 2 – 3 เดือน เมื่อคุณชักมีดมาถือในมือ คุณจะได้เปรียบหญิงหรือชายทั่วไปอย่างแน่นอน และอาจจะได้เปรียบผู้ที่มีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง หากคุณฝึกต่อเนื่องกันสัก 10 - 12 เดือน ด้วยท่าจับถือมีดที่มั่นใจ จะทำให้คนที่ตัวใหญ่กว่าคุณมากๆรู้สึกไม่ปลอดภัยทันที รวมทั้งคู่ต่อสู้มือเปล่าที่มีจำนวนมากกว่าคุณด้วย
ส่วนคู่ต่อสู้ที่มีมีดด้วยกัน คุณก็อาจจะป้องกันตัวได้อย่างสูสี หากคุณไม่ลืมเทคนิคเบื้องต้นคุณก็อาจจะเอาตัวรอดได้ ส่วนคู่ต่อสู้ที่มีไม้และปืนก็ขึ้นอยู่กับว่าตลอด 12 เดือนที่ได้ฝึกฝนมา คุณมีความใส่ใจกับการเรียนแค่ไหนหากอาศัยสติและเทคนิคที่เหมาะสม คุณก็มีเปอร์เซ็นต์รอดสูงขึ้น การฝึกมีดจะไม่ทำให้คุณกลายเป็นบุคคลที่เก่งกาจไม่มีใครเทียบ แต่ผมเชื่อว่าการฝึกและใช้มีดเป็นเครื่องมือช่วยในการป้องกันตัว จะทำให้จำนวนผู้ที่อาจเล่นงานคุณได้จากการต่อสู้บนท้องถนนลดลงไปพอสมควร เมื่อรวมกับมีดที่มีขนาดกระทัดรัดและเวลาฝึกฝนที่ไม่นานเกินไป ทางเลือกนี้จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแน่นอน
“คุณเลือกคู่ต่อสู้ไม่ได้ แต่คุณเลือกวิธีที่จะต่อสู้เอาตัวรอดได้”
เรียบเรียงโดย Snap shot
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความของ Mr. Randy Hodges (a qualified AMOK! Instructor in Thailand)
AMOK! เป็นระบบต่อสู้ด้วยมีดซึ่งมีการสอนกันทั่วโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศอัฟริกาใต้
Easy Defense Studio
สถานที่เรียน การป้องกันตัว (Self-defense) และศิลปะมวยไทยไชยาในห้องเรียนติดแอร์ สำหรับเยาวชนและสุภาพชนทั่วไป
ตั้งอยู่ที่ ชั้น 3 ร้านขอขวัญ เลขที่ 102/24 ซอย พัฒนาการ 58 เยื้อง ร.ร. เตรียมพัฒนาการ เขต สวนหลวง กรุงเทพฯ 10250
GPS : N13-43.832 E100-38.871
แผนที่
สอบถามรายละเอียดที่ ครูเจี๊ยบ โทร. 081-911-8945
วิชาที่เปิดสอน
- ยุทธสติในการป้องกันตัว (Awareness Self-defense)
- ศิลปะป้องกันตัวในชีวิตประจำวัน (Surviving the Streets)
- ศิลปะป้องกันตัวสำหรับสุภาพสตรี (Self-defense Strategies & Combat Tactics for Women)
- ศิลปะการใช้มีดในการป้องกันตัว (Tactical Knife Defense)
- มวยไทยไชยา (Muay Thai Chiya)
หมายเหตุ ทุกวิชานัดเรียนได้โทร 081-911-8945
ค่าฝึกอบรม :
- ครั้งละ 300 บาท (ต่อ 2 ช.ม., เฉลี่ย ช.ม. ละ 150 บาท)
- ครั้งละ 500 บาท ต่อ 2 ช.ม. สำหรับการฝึกอบรมศิลปะการใช้มีดเพื่อป้องกันตัว
คุณสมบัติผู้รับการฝึกอบรม : มาสมัครด้วยตนเอง, เป็นผู้มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการฝึกอบรม, ผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ต้องมีผู้ปกครองยินยอม
Samsung LCD televisions