Friday, June 25, 2010

เรียน Self-defense ฉบับย่อ

เรียน Self-defense ฉบับย่อ



โลกปัจจุบันผู้คนมีกิจกรรมที่ต้องทำมากมายในแต่ละวัน ผมจึงได้รับคำปรารภเช่นนี้เสมอ “ผมอยากฝึกศิลปะป้องกันตัว….. แต่หาเวลาว่างไม่ได้เลย” “ก็รู้อยู่ว่าสังคมไม่ปลอดภัย….. แต่ดิฉันหาเวลาเรียนศิลปะป้องกันตัวไม่ได้เลย” ถ้าเป็นกรณีอื่นผมคงพอแนะนำอุปกรณ์หรือวิธีการใหม่ๆเพื่อช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ แต่สำหรับคนไม่มีเวลาเล่นกีฬาหรือฝึกฝน Martial Art ผมจนใจจริงๆ เพราะการฝึกกล้ามเนื้อและเพิ่มทักษะ ไม่มีทางลัดเสียด้วย


อย่างไรก็ตามหากใครไม่มีเวลาจริงๆ แต่มุ่งมั่นตั้งใจจะเรียน Martial Art เพื่อป้องกันตัว ผมขอแนะนำให้เรียนครึ่งเดียวก่อน ปกติ Martial Art และ Self-defense ทุกระบบ มักแบ่งการฝึกฝนเป็นสองส่วน คือ รุกและรับ


การรุก คือ ส่วนที่ว่าด้วยการจู่โจมเล่นงานคู่ต่อสู้ด้วยอวัยวะ หมัด เท้า เข่า ศอก หรืออาวุธมีด ไม้ ดาบ ทวน ฯลฯ ด้วยกลยุทธ์หรือวิธีการต่างๆตามแต่ระบบที่คุณเลือกเรียนเลือกใช้


การรับ คือ ส่วนที่ว่าด้วยการใช้อวัยวะมือ เท้า หรืออาวุธที่คุณมีปกป้องตัวคุณให้พ้นจากการทำร้ายของคู่ต่อสู้เมื่อถูกจู่โจม ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีว่า Martial Art และ Self-defense เกือบทุกระบบในปัจจุบันนี้ ต่างใช้กลยุทธ์ตั้งรับที่คล้ายๆกัน ซึ่งผมได้รวบรวมไว้เพื่อให้เข้าใจและจดจำง่าย ผมเรียกว่า “องครักษ์ทั้งแปด” ประกอบด้วย 8 วิธี ดังนี้ครับ


1. ปัด ใช้อวัยวะหรืออาวุธของเราเข้าปะทะจากด้านข้างไปยังแขน ขา หรืออาวุธของคู่ต่อสู้ ทำให้แรงกระทำหรืออาวุธของคู่ต่อสู้เบี่ยงเบนออกจากเป้าหมาย


2. ป้อง ใช้อวัยวะหรืออุปกรณ์ป้องกันยกขึ้นกั้นระหว่างแรงกระทำจากคู่ต่อสู้กับตัวเรา ไม่ให้แรงกระทำหรืออาวุธของคู่ต่อสู้กระทบเป้าหมายที่ตัวเราได้


3. เกี่ยว ใช้อวัยวะหรืออุปกรณ์ใดๆ เหนี่ยวนำจากด้านข้างของแขน ขา หรืออาวุธของคู่ต่อสู้เพื่อเบี่ยงเบนแรงนั้น ให้คลาดจากเป้าหมายและเปลี่ยนทิศทางไปตามที่เราต้องการ


4. กัน เป็นกิริยาซึ่งเกิดต่อเนื่องจากการปัดและเกี่ยว เมื่อแรงกระทำโดยคู่ต่อสู้เบนออกจากเป้าหมายแล้ว เราใช้อวัยวะหรืออุปกรณ์ใดๆกั้นไว้ไม่ให้คนร้ายตอบโต้กลับมาที่เราได้อีก


5. กุม เป็นกิริยาซึ่งเกิดต่อเนื่องจากการปัด การเกี่ยวและการกัน วิธีการคือ ใช้มือหรืออุปกรณ์ใดๆเกาะกุมอวัยวะหรืออาวุธที่พุ่งมาทำร้ายเรา จุดมุ่งหมายคือ เพื่อควบคุมแรงกระทำจากคู่ต่อสู้โดยสิ้นเชิง


6. สกัด เป็นเทคนิคที่มุ่งกระทำต่อแนวเส้นทางส่งกำลังมายังอาวุธที่มุ่งทำร้ายเรา ด้วยทฤษฎีที่ว่า แรงในการโจมตีได้จากสองเท้าที่ยืนบนพื้นอย่างมั่นคง ส่งกำลังต่อมาตามปลายเท้าผ่านสะโพก เอว เข้ามาที่ไหล่ ไหลไปตามแขน ผ่านศอก ถึงข้อมือไปที่สองมือ ถ้ามือถืออาวุธแรงนิ้วก็จะผ่านจากมือไปที่อาวุธ เพื่อส่งอาวุธนั้นสู่เป้าหมาย เทคนิคสกัดจะมุ่งโจมตีตามแนวส่งแรงที่ว่านี้ เช่น คู่ต่อสู้ชกหมัดขวาใส่ใบหน้าเรา โดยเราไม่กันหมัดแต่ยกเท้าถีบสกัดไปที่เข่าข้างใดข้างหนึ่งของคู่ต่อสู้ ทำให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บและเสียการทรงตัว แรงที่ส่งมาที่หมัดถูกสกัดกั้น หมัดนั้นก็หมดแรงปะทะหรือเสียทิศทางไม่โดนเป้าหมาย


7. ถอย ในการใช้อาวุธเข้าทำร้าย ไม่ว่าจะเป็น หมัด เท้า เข่า ศอก หรืออาวุธใดๆก็ตาม มันมีระยะอันตรายไม่เท่ากัน เมื่อถูกโจมตีวิธีการป้องกันตัวอย่างหนึ่งซึ่งใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ ถอยให้พ้นระยะอันตรายของอาวุธนั้นๆ การถอยในความหมายของผม คือ การเคลื่อนเป้าหมายให้พ้นจากแนวแรงหรือพ้นระยะอันตรายของอาวุธนั้นๆ ไม่ว่าคุณจะเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ไปข้างๆ เฉียงๆหรือไปข้างหลังก็นับเป็นการถอยทั้งสิ้น


8. คล้อยตาม มีลักษณะคล้ายๆเทคนิคเกี่ยว หมายถึงการส่งแรงของเราเข้าร่วมกับแรงกระทำผ่านการกุมแล้วชักนำแรงกระทำไปในทิศทางที่เราต้องการ


ทั้ง 8 กลยุทธ์นี้อาจใช้เดี่ยวๆหรือจับกลุ่มเป็นสองเป็นสามกลยุทธ์ใช้ต่อเนื่องกันก็ได้ หากเรียนรู้ทั้ง 8 กลยุทธ์แล้วใช้ให้คล่อง ก็สามารถจะป้องกันตัวได้ระดับหนึ่ง อย่างน้อยคู่ต่อสู้ก็เล่นงานคุณได้ไม่ง่ายนัก ส่วนคุณจะตอบโต้กลับอย่างไรก็ขึ้นกับตัวคุณเองว่ามีทักษะในการต่อสู้แค่ไหน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเรียนระบบไหน คุณก็รบเร้าให้ครูของคุณสอนส่วนนี้ให้ก่อน ฝึกให้คล่องไว้ก่อน ต่อจากนั้นถึงไม่มีเวลาฝึกส่วนอื่นก็นับว่ามีต้นทุนแห่งความปลอดภัยไว้ส่วนหนึ่งพออุ่นใจ


เรียบเรียงโดย Snap shot

1 comment:

Batman said...

การเรียนศิลปะการต่อสู้ (Martial Arts) นั้นไม่มีทางลัด เมื่อเข้าสู่หลักสูตรแล้วอาจารย์จะสอนตามลำดับจากง่ายไปหายาก มีขั้นตอนชัดเจนไม่สามารถเลือกเรียนเฉพาะบางส่วนบางตอนได้ อีกทั้งอาจารย์ไม่ได้สอนเราเพียงคนเดียวต้องสอนลูกศิษย์หลายคนในเวลาเดียวกัน จึงไม่สามารถเลือกสอนเราเป็นการเฉพาะเจาะจงได้ นั้นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ว่าทำไมเมื่อเรียนศิลปะการต่อสู้รูปแบบใดรูปแบบหนึ่งแล้ว ต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะจบหลักสูตร เพื่อฝึกฝนให้เกิดความสมบูรณ์ในท่วงท่าต่างๆ

ในขณะที่เรียนการป้องกันตัว (Self-defense) นั้นใช้เวลาน้อยกว่ามาก เนื่องจากเรียนรู้เฉพาะบางส่วน บางรูปแบบซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับสถานการณ์ปัจจุบันได้ และรูปแบบซึ่งใช้มีความเรียบง่ายไม่ซับซ้อน มีประสิทธิภาพ ง่ายแก่การจดจำและฝึกฝนให้ชำนาญ

Batman

 

Samsung LCD televisions