Thursday, March 31, 2011

Self-defense Debate

Self-defense Debate



เมื่อไม่นานมานี้มีท่านหนึ่งกล่าวว่า หากเราใช้อาวุธมีดต่อสู้กับคนร้ายที่ไม่มีอาวุธหรือใช้มือเปล่า ไม่ถือว่าเป็นการป้องกันตัว (Self-defense) การป้องกันตัวนั้นน่าจะเป็นเรื่องของการต่อกรกับคนร้ายที่มีอาวุธซึ่งเหนือกว่า ท่านล่ะ! ... มีความคิดเห็นเช่นไร?

โดยส่วนตัวแล้วมือเปล่าหรือการใช้กำลังทางร่างกายอย่างเดียวก็ถือว่าเป็นอาวุธได้แล้ว นอกจากนั้นอาวุธในมือไม่ว่าจะเป็นอาวุธโดยสภาพ เช่น มีด ปืน ดิ้ว หรือวัตถุอะไรก็ตามที่ถูกนำมาใช้แทนอาวุธ (Improvised weapons) เป็นเพียง “เครื่องมือในการแสดงเจตนาของผู้ที่ใช้มัน” เพราะโดยตัวของมันเองหากไม่มีใครไปถือมันและนำออกมาใช้ก็คงไม่สามารถก่อเรื่องอะไรได้


ดังนั้น “การกระทำต่างๆย่อมเป็นเครื่องชี้เจตนา” หากเรามีอาวุธมีดและใช้มันด้วยท่าทีคุกคามผู้อื่น นั้นหมายความว่าตัวเราเป็นภัยคุกคามต่อผู้อื่นและสังคม แต่ถ้ามีคนจะมาทำร้ายเราไม่ว่าเขาจะมีอาวุธหรือไม่แล้วเราใช้อาวุธมีดเพื่อป้องกันตัวเอง นั้นเป็นการป้องกันตัวแต่ผลของการกระทำนั้นจะสมควรแก่เหตุหรือไม่ก็ขึ้นกับสภาพการณ์

โดยธรรมชาติแล้วการที่คนร้ายจะเลือกเหยื่อสักคน เขาย่อมเลือกเหยื่อที่ด้อยกว่าตน เช่น แข็งแรงน้อยกว่า เป็นผู้หญิง เด็ก คนชรา หรือเขามีอาวุธที่เหนือกว่า มีพวกมากกว่า หรือกระทำการในจังหวะที่เขาได้เปรียบ เป็นต้น โอกาสน้อยมากที่เขาจะเลือกเหยื่อที่แข็งแรงกว่าตน เพราะจะทำให้โอกาสที่จะก่อเหตุสำเร็จนั้นน้อยลง

ดังนั้นเมื่อเราตกเป็นเหยื่อคงต้องคิดไว้ก่อนว่าคนร้ายน่าจะมีบางอย่างที่ได้เปรียบเราอยู่ ในความเป็นจริงจึงไม่มีคำว่า การต่อสู้อย่างยุติธรรม มันไม่ใช่กีฬาที่มีกฎกติกา หรือกรรมการคอยห้าม ผลของความพ่ายแพ้ในสถานการณ์จริงอาจหมายถึงความเป็นและความตาย อาจไม่ใช่แค่ผิดหวังในการกีฬาเท่านั้น


ถ้าคนร้ายเป็นผู้ชายที่แข็งแรงพยายามข่มขืนหรือทำร้ายผู้หญิงที่พกมีด หากคิดว่าการใช้มีดต่อกรกับคนที่ไม่มีอาวุธไม่ถือว่าเป็นการป้องกันตัว ผู้หญิงคนนั้นก็คงต้องโยนมีดทิ้งแล้วพยายามต่อสู้ด้วยกำลังของตนเอง โดยหวังว่าจะโชคดีที่สามารถเอาตัวรอดได้ ในความเห็นส่วนตัว “การทำเช่นนั้นคงไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก”


หลักการป้องกันตัวนั้นคือ ความตระหนักรู้ การหลีกเลี่ยง (หนีได้หนี เลี่ยงได้เลี่ยง) แต่หากจำเป็นต้องใช้กำลังก็ต้องพยายามทำทุกวิถีทางให้ตัวเองได้เปรียบเหนือคนร้าย มีคำกล่าวที่ว่า “ในการป้องกันตัวมีกฎอยู่เพียงข้อเดียว คือ ไม่มีกฎ” หากหาสิ่งของรอบตัวมาใช้เป็นอาวุธได้ก็ให้รีบทำ หากมีอาวุธอยู่กับตัวก็ต้องรีบนำออกมาใช้เพื่อเพิ่มโอกาสรอดพ้นออกจากสภานการณ์ร้ายนั้น


ถึงแม้หากเหยื่อเป็นผู้ชายเหมือนกับคนร้ายที่พยายามเข้ามาทำร้าย ถ้าเขาแสดงมีดออกมาและตะโกนสั่งให้คนร้าย “หยุด! อย่าเข้ามา” หากคนร้ายทำตามก็คงไม่เกิดเรื่องอะไรตามมาอีก แต่ถ้าคนร้ายยังพยายามบุกเข้ามาทำร้ายเขาก็หมายความว่า คนร้ายมีเจตนามุ่งร้ายต่อเขาอย่างชัดเจนและเขาจำเป็นต้องป้องกันตัวเองด้วยทุกสิ่งที่เขามี


มีผู้หญิงท่านหนึ่งกล่าวว่า ถ้าเป็นตัวเธอตกอยู่ในสถานการณ์ร้ายๆ เธอจะยอมคนร้ายทุกอย่างไม่ขอตอบโต้อะไรทั้งสิ้น แล้วท่านล่ะ...... มีความคิดเห็นเช่นไร?


นี้เป็นความคิดของผู้ที่มีบุคลิกภาพของ “เหยื่อ” โดยแท้จริง เพราะชีวิตของตนเองยอมให้คนอื่นเป็นผู้กำหนดทั้งหมด แต่นั้นก็อาจเป็นความคิดที่ดีในหลายกรณี (การป้องกันตัวไม่ได้หมายความว่า เราต้องแสดงความก้าวร้าวเสมอไป) การโอนอ่อนผ่อนตามอาจช่วยให้สถานการณ์ไม่บานปลายมากขึ้นได้ แต่หลายครั้งก็ไม่ได้ช่วยให้พวกเธอรอดชีวิตได้แม้คนร้ายจะได้สิ่งที่เขาต้องการแล้วก็ตาม ดังนั้นการมี “สติ” พิจารณาทางเลือกที่เหมาะสมต่อสถานการณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ


การป้องกันตัวนั้นเป็นทักษะที่เรียนรู้เพื่อให้มีโอกาสรอดออกจากสถานการณ์ร้ายได้มากขึ้น ถึงแม้จะไม่ได้รับประกันว่าจะรอดพ้นออกมาได้อย่างแน่นอน แต่การมีความรู้และทักษะเหล่านี้ไว้ย่อมเหมือนกับว่าเรามีอุปกรณ์ให้เลือกใช้ได้หลายอย่างเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ทำให้เราปรับตัวได้ดีและเพิ่มโอกาสรอดได้มากขึ้น


บทบาทของตำรวจนั้นส่วนใหญ่เป็นเรื่องของ Post incident กล่าวคือ เกิดเรื่องขึ้นแล้วมีคนมาแจ้งความค่อยตามจับคนร้าย (คาดว่ามีเหตุการณ์ร้ายไม่ถึงครึ่งที่เป็นคดีความ และมีคดีไม่ถึงครึ่งซึ่งสามารถตามจับคนร้ายได้) แต่การป้องกันตัว (Self-defense) ส่วนใหญ่เน้นที่ Pre-incident (ป้องกันหรือลดโอกาสเกิดเรื่อง) และ Incident (ลดความสูญเสียหรือความเสียหายในขณะเกิดเรื่องหรือการเอาตัวรอดออกจากสถานการณ์ร้าย) เราต้องช่วยเหลือตัวเองมากกว่ารอโชคดีให้ตำรวจผ่านมาช่วยเรา

ดังนั้นทุกท่านต้องเลือกเองว่าจะเป็น “เหยื่อ” อย่างเดียว หรือจะขอมีทางเลือกอื่นที่ทำได้เพื่อเพิ่มโอกาสรอด ในต่างประเทศประชาชนนิยมฝึกฝนการป้องกันตัว (Self-defense) กันอย่างกว้างขวางเพราะตระหนักว่า ภัยคุกคามในสังคมมีเพิ่มขึ้นและไม่ห่างไกลตัวเราเองเลย


การเลือกฝึกฝนการป้องกันตัวแบบผสมผสานจากศูนย์ฝึกอบรมต่างๆนั้น เป็นทางเลือกหนึ่งซึ่งสามารถเพิ่มพูนความรู้และทักษะในการเผชิญเหตุการณ์ร้ายได้


สุดท้ายนี้ขอให้ตั้ง “สติ” ทุกครั้งเมื่อเผชิญเหตุ และขอให้ “พลังจงอยู่กับท่าน”


เรียบเรียงโดย Batman

Thursday, March 24, 2011

Friction-Locked Expandable Baton Problems


Friction-Locked
Expandable Baton Problems


Expandable baton หรือ ดิ้ว ที่นิยมใช้กันมากโดยเฉพาะระบบ Friction-locked แม้จะมีข้อดีหลายประการแต่อย่างที่มักกล่าวไว้เสมอว่า ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีความสมบูรณ์แบบ ทุกอย่างมีทั้งข้อดี ข้อเสียและข้อจำกัดของมันเองเสมอ การที่ดิ้วประกอบด้วยท่อเหล็กหลายท่อนมาต่อกันทำให้ยืดหดได้ดี สะดวกในการพกพา แต่ข้อต่อต่างๆซึ่งใช้ยึดท่อเหล็กเหล่านี้ไว้มักเป็นจุดอ่อนเสมอ


ในขณะใช้งานนั้นอาจมีปัญหาการปลดล็อกโดยไม่ตั้งใจ โดยเฉพาะเมื่อเราใช้ดิ้วในการตั้งรับการตีจากคนร้าย การที่ดิ้วถูกกระแทกอย่างแรงในบางตำแหน่งอาจส่งผลให้มีการปลดล็อกของท่อนเหล็กที่ยืดออกได้ ทำให้ดิ้วหดสั้นลงและไม่มั่นคง


เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในขณะใช้งานมีแนวทางแก้ไขได้สองทาง อย่างแรก คือ การสะบัดดิ้วกลับเพื่อให้กระบองยืดและยึดเหล็กทุกท่อนให้เข้าที่อีกครั้ง อย่างที่สอง คือ ทำการสะบัดตีไปยังเป้าหมายอย่างรวดเร็วและรุนแรงซึ่งจะเป็นการยืดดิ้วและยึดให้เข้าที่ไปด้วยในขณะเดียวกัน


การใช้อาวุธทุกชนิดเราต้องรู้ข้อดี ข้อด้อย ข้อจำกัดของมัน รวมทั้งปัญหาซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากการใช้งานหรือเหตุติดขัด และควรรู้วิธีแก้ไขเหตุติดขัดเหล่านั้นด้วย นอกจากนั้นหากเรารู้ข้อดี ข้อด้อย ข้อจำกัดของอาวุธคนร้ายก็ยิ่งดี เพราะเราสามารถใช้ข้อดีของเราเข้าปะทะกับข้อด้อยของคนร้ายเพื่อเพิ่มความได้เปรียบให้กับเรา ดั่งคำโบราณที่ว่า รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง


การใช้กำลังเข้าแก้ไขปัญหานั้น ขอให้เป็นทางเลือกสุดท้าย และใช้เมื่อจำเป็นจริงๆด้วยเหตุและผลที่เหมาะสม


สุดท้ายนี้ขอให้ตั้ง สติ ทุกครั้งเมื่อเผชิญเหตุ และขอให้ พลังจงอยู่กับท่าน
                                              เรียบเรียงโดย Batman

Sunday, March 20, 2011

Survey Knife Training Trip on 16 – 19 Mar 11

Survey
Knife Training Trip on 16 – 19 Mar 11


เริ่มด้วยการฝึกมีดกับ Mr. Randy Hodges ในรูปแบบของ AMOK! ขนานแท้ตั้งแต่วันที่ 16 ถึงเช้าวันที่ 17 มี.ค. ได้รับการต้อนรับอย่างเป็นกันเองจาก Mr. Randy และครู นก เหมือนเช่นเคย

ครั้งนี้ได้รับการชี้แนะใน Tactic เชิงลึกมากขึ้น ทำให้เห็นรูปแบบของ AMOK! ชัดเจนขึ้น เป็นการใช้มีดต่อสู้ที่มีระบบและรูปแบบเด่นชัดเรียนรู้ง่าย หากมีผู้สนใจท่านใดต้องการไปฝึกมีดต่อสู้ระบบ AMOK! ณ. จ. อุดรธานี ก็สามารถติดต่อสอบถามค่าใช้จ่ายและรายละเอียดได้ที่ ครู นก e-mail: amok_nok@hotmail.com
      หลังจากนั้นในช่วงบ่ายของวันที่ 17 จนถึง 19 มี.ค. ก็ได้เดินทางไปเที่ยวพักผ่อนต่อที่ จ. เลย โดยมี ครูเดช (หนึ่งในครูสอนการป้องกันตัวของ Thai self-defense) มาสมทบและ ครูโย (ครูสอนมวยไทยไชยา) มารับ

ครั้งนี้เหมือนได้เที่ยวจังหวัดเลยครบทั้งสามฤดู เพราะเมื่อไปถึงก็มีฝนตกและอากาศหนาวมากๆ ในวันสุดท้ายอยู่ๆท้องฟ้าก็เปิดอากาศร้อนขึ้นมาทันที

วันแรกไปพักที่ภูเรือ (เป็นภูเขาสูงทะลุเมฆฝนขึ้นไป) อากาศตอนเช้า 6.5 องศาเซลเซียส เป็นเมืองในหมู่เมฆทิวทัศน์งดงาม อาหารอร่อยถูกปาก หลังจากนั้นก็มาพักอีกคืนที่เชียงคานอันเลื่องชื่อ เป็นเมืองเรียบชายฝั่งโข่ง บรรยากาศเก่าๆ วัฒนธรรมงดงาม ผู้คนใจดี อากาศตอนเช้า 12 องศาเซลเซียส ได้ตักบาตรข้าวเหนียว วันกลับอากาศเริ่มร้อนท้องฟ้าสดใสไปไหว้พระที่วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน นมัสการรอยพระพุทธบาทและหลวงพ่อนักปฏิบัติเพียงรูปเดียวในวัด (วัดอยู่บนภูเขาสูงท่านต้องเดินออกบิณฑบาตขึ้นลงเขาทุกวันระยะทางประมาณ 8 ก.ม. จนเป็นที่นับถือของคนท้องถิ่น ปัจจุบันท่านอายุ 84 ปีแล้ว)

ไม่ว่าการฝึกมีดหรือการท่องเที่ยวในครั้งนี้ เป็นประสบการณ์ที่ดีและมีค่ามาก ทาง Thai self-defense อาจมีการจัดไปอีกครั้งเดือน พ.ย. 54 นี้ โดยอาจมีการฝึกมีด การป้องกันตัวด้วยมือเปล่า การฝึกมวยไทยไชยา ร่วมกับการท่องเที่ยวพักผ่อนในจังหวัดเลย
                                                                                                            Batman

Friday, March 11, 2011

Awareness in Car Park

Awareness in Car Park


เหตุการณ์ร้ายๆหลายครั้งเกิดขึ้นขณะที่เรากำลังเดินไปขึ้นหรือลงรถของเราในลานจอดรถไม่ว่าจะในที่ทำงาน แหล่งท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ในซอยหน้าบ้านที่จอดรถไว้ เป็นต้น เนื่องจากสถานที่เหล่านี้มักมีผู้คนน้อย เปลี่ยว และมีแสงสว่างน้อย มีสถานที่ให้คนร้ายหลบซ่อนได้ง่าย อีกทั้งคนร้ายมักเลือกเหยื่อที่มาคนเดียวโดยเฉพาะผู้หญิงอาจมีเด็กและไม่มีเด็กไปด้วยก็ได้ (การที่มีเด็กเล็กๆไปด้วยทำให้ผู้หญิงลดความระแวดระวังภัยลง คนร้ายจึงมักเลือกเหยื่อเช่นนี้เช่นกัน)


ดังนั้นกลุ่มเสี่ยง (โดยเฉพาะผู้หญิง) ที่ต้องเดินไปขึ้นหรือลงจากรถในสถานที่เปลี่ยวควรใช้ความระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ โดยมีข้อพึงปฏิบัติเพื่อเพิ่มความตระหนักรู้ถึงภัยรอบตัว ดังนี้


- มี “สติ” และ “ความตระหนักรู้ (Awareness)” อยู่ตลอดเวลา ไม่เดินเหม่อลอยหรือก้มมองหาเศษเหรียญบนพื้น เปิดประสาทสัมผัสทั้งหมดให้พร้อม

- พกอุปกรณ์เพื่อใช้ป้องกันตัวไว้บ้าง


- เมื่อรถเข้ามาถึงที่จอดรถให้แน่ใจว่าประตูรถยังล็อกอยู่ เพราะในบางครั้งเมื่อรถจอดเสร็จคนร้ายอาจพยายามเปิดประตูรถของเราเข้ามาทันที


- พิจารณาก่อนว่าสถานที่จอดรถนั้นเป็นที่เปลี่ยว มีแสงน้อยหรือไม่ ก่อนลงจากรถควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อน เช่น มีไฟฉาย (Tactical flashlight) สเปรย์พริกไทยหรือนกหวีดไว้ในมือ มองให้ทั่วดูว่ามีใครอยู่ใกล้ๆรถเราและมีท่าทีพิรุธหรือไม่ หากไม่รู้สึกว่าปลอดภัยก็ควรขับรถไปจอดที่อื่นดีกว่า หรือเมื่อเดินมาถึงลานจอดรถก็ควรมองให้ทั่วๆเช่นกัน เตรียมอุปกรณ์เพื่อป้องกันตัวเอาไว้ในมือ รีบขึ้นรถแล้วล็อกประตูทันที ถึงแม้ว่ารถของเราจะมีระบบล็อกประตูอัตโนมัติแต่ก็ควรกดปุ่มล็อกประตูทุกบานเองทันทีที่เข้ามาในรถ (ควรฝึกให้เป็นนิสัย) ไม่เช่นนั้นคนร้ายอาจตามเข้ามาในรถของเราก่อนที่ระบบล็อกประตูอัตโนมัติจะทำงาน


- หาเพื่อนเดินไปส่งที่รถหลายๆคน การเดินเป็นกลุ่มมีโอกาสน้อยมากที่จะตกเป็นเหยื่อของคนร้าย


- หลีกเลี่ยงการ Shopping ในเวลากลางคืน


- พยายามจอดรถให้ใกล้กับจุดหมายปลายทางให้มากที่สุด ทำให้เราไม่ต้องเดินไกลนักก็ถึงจุดหมายจึงมีโอกาสตกเป็นเป้าหมายน้อยลง

- อย่าลังเลที่จะร้องขอความช่วยเหลือ


- หลีกเลี่ยงที่จะพูดคุยกับคนแปลกหน้า คนร้ายมักเลือกเหยื่อที่ใจดีและสนใจพูดคุยกับเขา




สุดท้ายนี้ขอให้ตั้ง “สติ” ทุกครั้งเมื่อเผชิญเหตุ และขอให้ “พลังจงอยู่กับท่าน”




เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Parking lot safety tips checklist ของ Jack Krohn

Saturday, March 5, 2011

Self-defense with / without a Knife

Self-defense
with / without a Knife

น้อง ปลั๊ก ได้มีโอกาสมารับการฝึกอบรมการป้องกันตัวด้วยมือเปล่าและอาวุธมีดกับทาง Thai self-defense เป็นการส่วนตัว เพื่อเพิ่มพูนทักษะการเอาตัวรอดจากภัยคุกคามร้ายแรง

ได้อธิบายให้เห็นถึงความสำคัญของความตระหนักรู้ (Awareness) และ การหลีกเลี่ยง (Avoidance) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันไม่ให้ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ร้ายแรง

การใช้กำลังเพื่อแก้ไขเหตุการณ์ขอให้เป็นทางเลือกสุดท้าย
และเมื่อต้องใช้ก็ต้องใช้ด้วยทักษะที่เหนือชั้นกว่าใคร เพื่อเพิ่มโอกาสรอดออกจากสถานการณ์เลวร้ายนั้น


ในการฝึกทุกครั้งจะมีการทบทวนทักษะที่ได้รับการฝึกไปก่อนหน้าแล้วเพื่อให้เกิดความเคยชิน
                                                                                                Batman

Friday, March 4, 2011

การฝึกอบรม Self-defense with a Knife


 

เปิดรับการฝึกอบรมการป้องกันตัวด้วยอาวุธ “มีด” สำหรับประชาชนทั่วไป

จุดประสงค์
      เพื่อเพิ่มพูนความรู้และทักษะการป้องกันตัวด้วยอาวุธ
“มีด” ให้กับประชาชนทั่วไป

เนื้อหาการฝึกอบรม
(การบรรยายและปฏิบัติ)

-         หลักการป้องกันตัวและการประเมินสถานการณ์

-         ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอาวุธมีด

-         การถือมีด
(Knife griping) ท่าเตรียมพร้อม (Fighting stance)



-         พื้นฐานรูปแบบและทิศทางการโจมตีด้วยมีด
(Basic patterns and directions of knife attack)

-         การเคลื่อนที่ (Footwork)

-         กลยุทธ์การป้องกันตัวด้วยมีด(Strategy
of self-defense with a knife)

-         การฝึกซ้อมการป้องกันตัวด้วยมีด
(
Knife
sparring and drill)

ระยะเวลาการฝึกอบรม
            วันจันทร์ – พฤหัส เวลา 18.00 –
20.00น. วันศุกร์, วันเสาร์ เวลา 13.00 – 20.00น.,
วันอาทิตย์ เวลา 16.00 – 20.00น. (จะโทรยืนยันวันฝึกที่แน่นอนอีกครั้ง)

ผู้รับการฝึกอบรม
         หญิงหรือชาย อายุตั้งแต่
15
ปีขึ้นไป (ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์
ต้องมีผู้ปกครองยินยอม) รับจำนวนจำกัด
ถานที่
           
ห้อง
512 ชั้น
5 บ้านราชา เลขที่ 88/8 ซอย
ลาดกระบัง 14/1 แยก ราชา 3 ถ. อ่อนนุช-ลาดกระบัง แขวง ราชาเทวะ อ. บางพลี จ, สมุทรปราการ 
(ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ) มีที่จอดรถ



GPS        N 13-42-936, E 100-42-953


ค่าฝึกอบรม
      600 บาท/ช.ม./ท่าน (เรียนส่วนตัว),
450บาท/ช.ม./ท่าน (เรียนเป็นกลุ่มตั้งแต่ 2 ท่าน ขึ้นไป)

การแต่งกาย
     เสื้อยืด กางเกงวอร์ม หรือ แต่งกายรัดกุม

อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย       แว่นตานิรภัย (ถ้ามี), มีดซ้อม (ถ้ามี), Arm guard (ถ้ามี), ถุงมือ (ถ้ามี)

เอกสารประกอบการสมัคร
       ใบสมัคร, สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
1 ใบ, ใบยินยอมจากผู้ปกครอง (ในกรณีผู้รับการฝึกอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์)

ครูฝึก
   ครู วีระ
(Batman)

ติดต่อ
  ครู วีระ
(Batman) โทร. 081-666-0266, Fax. 02-349-6207


                        e-mail: thaiselfdefense@gmail.com





                        www.thaiselfdefense.com

Thursday, March 3, 2011

Damage Control


Damage Control


ในการป้องกันตัวจากภัยคุกคามร้ายแรงมีหลักที่สำคัญอย่างหนึ่งซึ่งควรยึดถือไว้ก็คือ การควบคุมให้เกิดความเสียหายหรือบาดเจ็บน้อยที่สุด (Damage Control)

แน่นอนว่าการใช้กำลังเข้าแก้ไขปัญหานั้นขอให้เป็นทางเลือกสุดท้ายและทำด้วยเหตุผลที่เหมาะสม การต่อสู้ป้องกันตัวจากคนร้ายไม่ว่าเขาจะมีอาวุธหรือไม่ เราต้องพยายามลดหรือหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บให้ได้มากที่สุดเป็นการผ่อนหนักให้เป็นเบา

ในหลายกรณีการโอนอ่อนผ่อนตามที่คนร้ายต้องการอาจเป็นทางเลือกที่ดี แต่หลายครั้งก็ไม่ทำให้เราปลอดภัยทั้งต่อชีวิต ร่างกายและจิตใจ การลุกขึ้นปกป้องตนเองหรือคนที่เรารักจึงอาจเป็นทางออกเดียวที่จะรอดพ้นจากภัยคุกคามได้

ในการป้องกันตัวด้วยมีด(Self-defense with a knife) มือหรือแขนข้างไม่ถือมีดมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการป้องกันอวัยวะสำคัญของเราจากอาวุธหรือการทำร้ายโดยภัยคุกคาม การทำงานร่วมกันสอดประสานของทั้งสองมือจะทำให้การป้องกันตัวด้วยมีดมีประสิทธิภาพอย่างมาก

มือข้างไม่ถือมีดสามารถใช้เพื่อ ป้อง ปัด ปิด และเปิดการโจมตี ช่วยให้เราปลอดภัยขึ้นจากการถูกทำร้ายและช่วยเปิดโอกาสในการเข้าโจมตีคู่ต่อสู้ การใช้มือหรือแขนเพื่อป้องกันนั้นเราต้องรู้ว่าควรใช้ส่วนใดจึงจะเหมาะสมเพื่อลดความเสียหายจากการบาดเจ็บรุนแรงซึ่งอาจเกิดขึ้นได้

การฝึกการโจมตีและตั้งรับด้วยมีดกับคู่ซ้อม (Knife Drill) จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการฝึกมีดเพื่อป้องกันตัว ฝึกการใช้มือทั้งสองข้างและการก้าวเท้าให้สอดคล้องกัน

แม้เราไม่มีอาวุธในมือหรือมีอาวุธแบบอื่น ทักษะเหล่านี้ก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการป้องกันตัวด้วยมือเปล่าและอาวุธอื่นได้เช่นกัน เป็นการเรียนหนึ่งอย่างแต่ใช้ได้กับอาวุธหลายอย่าง


           สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับมีดขอให้มี “สติ”

                                           เรียบเรียงโดย Batman
 

Samsung LCD televisions