Saturday, April 30, 2011

สัญญาณภัย! ต้องมี Reaction ทันที


สัญญาณภัย! ต้องมี Reaction ทันที


ผมก้าวเท้าช้าๆไปบนทางเดินแคบๆในสวนหลังบ้าน มือถือถาดวางแก้วน้ำไว้เต็ม ผมจะเอาแก้วน้ำทั้งหมดไปล้างในครัว จากปลายหางตาผมเห็นอะไรบางอย่างแวววาวอยู่บนพื้นหญ้าข้างทาง พอก้มมองพบว่าเป็นเศษแก้วแตกที่อวดคมสะท้อนแสงแดดอยู่ ผมก้าวข้ามไปรีบเดินไปในครัวทำธุระจนเสร็จแล้วเดินกลับมาตั้งใจจะหยิบเศษแก้วไปทิ้งก่อนที่ใครจะมาเหยียบมันเข้า เมื่อถึงบริเวณเดิมอีกครั้งผมกลับมองไม่เห็นมัน ผมเดินวนเวียนอยู่แถวนั้นตาก็สอดส่ายไปทั่ว เจอแล้ว! มันอยู่ใต้ฝ่าเท้าผมนี่เอง ผมเหยียบมันเข้าอย่างจัง


นงนุด (นามสมมุติ) เฝ้าครุ่นคิดถึงผลการประชุมที่เพิ่งผ่านมา ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในที่ประชุมรบกวนจิตใจเธอไม่หยุด เธอทำให้ใครบางคนเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาล แต่เธอก็ต้องทำเพราะมันเป็นผลประโยชน์ของเธอเหมือนกัน “รู้สึกเขาจะไม่พอใจมากนะครับ ที่ถูกหักหน้าขนาดนั้น ต่อไปเราคงต้องระวังตัวกันมากขึ้น” คนขับรถกล่าว นงนุด ขมวดคิ้ว “เหลวไหลน่า ทำธุรกิจก็ต้องมีได้ มีเสีย เขาคงไม่ถึงกับมาทำอะไรเราเพราะเรื่องแค่นี้หรอก” รถจอดที่หน้าบ้านพอดี คนขับออกจากรถเดินไปเปิดประตูบ้าน นงนุด ถอนหายใจ เอนตัวพิงเบาะ รู้สึกผ่อนคลาย ทันใดนั้น ปัง! ปัง! ปัง! (หนังสือพิมพ์พาดหัว นงนุดถูกยิงตาย ตร.คาดปมสังหารจากขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ)


สมศักดิ์ รู้สึกรำคาญกับเสียงดังรบกวนมาตั้งแต่เช้า ต้นเสียงมาจากช่วงล่างด้านซ้ายของรถที่ขับอยู่ รู้สึกมีอะไรเสียดสีกันอยู่ตลอดเวลา ความจริงเสียงผิดปกตินี้เป็นมาหลายวันแล้ว สมศัดดิ์ตั้งใจว่าจะเอารถเข้าอู่ให้ช่างตรวจดูหน่อย แต่หาจังหวะไม่ได้เสียทีจนเมื่อเช้าเสียงนี้ก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เลิกงานจะกลับบ้านแล้ว “เอาเถอะพรุ่งนี้เช้าจะเอารถเข้าอู่แน่ๆ” สมศักดิ์คิดในใจ หลังตอกบัตรลงเวลาออกงาน ขณะขับรถกลับเสียงดัง เอียด... โครม!


สมศักดิ์บอกกับช่างว่า “อยู่ดีๆรถก็เบรกไม่อยู่ ทำให้เกิดอุบัติเหตุอย่างไม่คาดฝัน” ช่างมองดูด้านหน้ารถที่พังยับเพราะไถลไปชนท้ายรถกระบะเนื่องจากผ้าเบรคค้างเสียดสีกับดุมล้ออย่างต่อเนื่องจนผ้าเบรคไหม้ ความร้อนทำให้น้ำมันเบรกรั่วออกมาอย่างรวดเร็วจนถึงขั้นทำให้ระบบเบรกทำงานไม่ได้ ประเมินค่าซ่อมทั้งหมดนับแสนบาท


ทั้ง 3 เรื่องที่ยกตัวอย่างมานี้ เคยเกิดขึ้นจริงในอดีตและกำลังเกิดในปัจจุบันรวมทั้งจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต ตราบใดที่ผู้คนส่วนใหญ่ยังดำเนินชีวิตด้วยความประมาทและไม่ดำรงสติ ไม่สำนึกถึงภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเอง ทั้งจากอุบัติเหตุและจากความจงใจของบุคคลอื่นที่เสียผลประโยชน์เนื่องจากเรา หรือผู้คนอื่นๆที่ต้องการผลประโยชน์จากเรา


เรื่องแรกเป็นเรื่องของผมเองที่รับสัญญาณเตือนจากการสังเกตเห็นเศษแก้วชิ้นนั้นตั้งแต่แรก แต่ผมเลือกที่จะเดินผ่านไปก่อน เพราะขี้เกียจวางถาดในมือแล้วผมก็เดินกลับมาเหยียบมันเสียเอง เรื่องที่สองเป็นเรื่องของคนที่แขวนชีวิตอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว เพราะที่ผ่านมาเป็นฝ่ายกระทำต่อผู้อื่นโดยไม่มีการตอบโต้ ก็ย่ามใจคิดว่าสิ่งที่ตัวทำต่อผู้อื่นเป็นเรื่องเล็กน้อยและชอบธรรม เมื่อร่ำรวยขึ้นมาก็คิดว่าตนนั้นมีรากฐานที่มั่นคงไม่มีอะไรจะสั่นคลอนได้ แม้มีสัญญาณภัยดังเตือนมาก็ละเลยเสียด้วยความประมาท เรื่องที่สามสาเหตุเกิดจากเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้านาน แต่เพราะความบกพร่องนั้นไม่ส่งผลเสียทันทีรถก็ยังวิ่งได้ ก็เลยไม่ให้ความสำคัญกับปัญหา ผัดผ่อนไปเรื่อยๆ ปัญหาก็สะสมมากขึ้นจนถึงขั้นแตกหัก ความเสียหายก็มากมายมหาศาลอย่างไม่น่าเชื่อ


การฝึกศิลปะการต่อสู้จนถึงขั้นใช้งานได้นั้นใช้เวลาไม่น้อย แต่ไม่มีประโยชน์เลยหากเราประมาทจนปล่อยให้คนร้ายมีโอกาสเข้าประชิดตัวหรือลอบเข้าเล่นงานเราได้ก่อน ดังนั้นการฝึกอ่านสัญญาณภัยที่ร้องเตือนหรือฝึกสัญชาติญาณระวังภัยอย่างรอบคอบ ควรถูกเลือกเป็นอันดับแรกที่จะเรียนรู้ก่อน เพราะถ้าเรารับรู้ถึงภัยอันตรายก่อน ก็หลีกเลี่ยง แก้ไขได้ก่อน ไม่ต้องเสี่ยงต่อสู้ ซึ่งมีโอกาสรอดแค่ 50 : 50 เท่านั้น
                                                                                             เรียบเรียงโดย Snap shot

Thursday, April 21, 2011

Knife Blade Shapes


Knife Blade Shapes


มีรูปร่างของใบมีด (Knife Blade Shapes) หลายแบบแตกต่างกัน โดยมีพัฒนาการมานานหลายร้อยหลายพันปี เกิดขึ้นในหลายอารยธรรมทั่วโลก แต่ละแบบมีคุณลักษณะเด่นแตกต่างกัน ซึ่งนำไปสู่การใช้งานให้เหมาะสมกับใบมีด


มีดต่อสู้ (Combat Knives) ก็มีการออกแบบลักษณะของใบมีดที่หลากหลายเช่นกัน จะขอยกตัวอย่างรูปร่างของใบมีดที่นิยมใช้กันในมีดต่อสู้

-          Straightback blade เป็นมีดทรงที่พบเห็นได้ทั่วไป โดยสันมีดยาวตรงไปถึงปลายมีด ด้านคมมีดค่อยๆลาดขึ้นไปบรรจบกับปลายมีด ใช้ได้ดีกับการสับ เฉือน หั่น



-          Drop point ด้านไม่คมของใบมีดจะค่อยๆเริ่มลาดลงหลังจากผ่านครึ่งของความยาวใบมีด ส่วนด้านคมมีดจะเริ่มค่อยๆลาดขึ้นไปบรรจบกับด้านไม่คมจนเกิดเป็นปลายมีด (Tip) ซึ่งตำแหน่งนี้มักสูงกว่าจุดกึ่งกลางของความกว้างของใบมีด มีดลักษณะนี้เหมาะแก่การตัด (Cutting) เฉือน (Slicing) เนื่องจากปลายมีดไม่แหลมมากนักจึงใช้แทงได้ไม่ดีนัก



-          Clip point โดยปกติทั่วไปด้านไม่คมจะเริ่มจากโคนด้ามมีดตรงไปปลายมีด ซึ่งจะเริ่มลาดลงประมาณหนึ่งในสามหรือหนึ่งในสี่ของความยาวใบมีดไปบรรจบกับด้านคมมีด โดยตำแหน่งของปลายมีดมักต่ำกว่าจุดกึ่งกลางของความกว้างของใบมีด มีการออกแบบ Deep clip เช่น มีด Bowie ซึ่งส่วนของด้านไม่คมมีการลาดลงมากจนเกิดเป็นส่วนโค้งเว้าไปปลายมีด ทำให้ปลายมีดแคบและเป็นจุดอ่อนของใบมีดเพราะหักได้ง่าย ในเรื่องความแข็งแรงแล้วจึงน้อยกว่า Drop point หากใช้ในสถานการณ์เพื่อยังชีพ (Survival situation) ปัจจุบันนี้มีการออกแบบ Clip point ให้ส่วนปลายมีดสั้นลงทำให้มีลักษณะคล้าย Drop point มากขึ้น มีดแบบนี้ใช้ได้ดีทั้งการตัดและแทง



-          Spear point ส่วนของใบมีดทั้งสองด้านมาบรรจบกันตรงกึ่งกลางของความกว้างของใบมีดพอดี ปกติมักมีคมทั้งสองด้าน ดังนั้นปลายมีดจึงคมและแข็งแรง แต่มีดบางเล่มอาจมีคมหลอก (False edge) ด้านหนึ่งและคมจริงอีกด้านหนึ่ง ความลาดลงของคมทั้งสองมักเท่าๆกันจนถึงปลายมีด สัดส่วนของสันและคมมีดอาจมีความแตกต่างกันได้ ใบชนิดนี้มักแข็งแรงกว่า Deep clip แต่ก็ยังใช้ประโยชน์ได้ไม่หลากหลายเท่า Drop point หากใช้กับใบมีดขนาดเล็กเราอาจเรียกว่า Pen spear เพราะมักใช้กับมีดปากกา (Pen knives) หรือ มีดพกพาเพื่อใช้งานจิปาถะ (All-purpose blades)



-          Tanto blade เป็นใบมีดที่ได้รับอิทธิพลจากมีดหรือดาบของญี่ปุ่น ปลายมีดอยู่ระดับเดียวกับสันมีดทำให้ปลายมีดมีความแข็งแรงมาก ส่วนด้านคมของมีดอาจทำมุมตัดเฉียงขึ้นไปหาปลายมีดหรือค่อยๆโค้งขึ้นไปก็ได้ มีดนี้มีความแข็งแรงสูงจึงใช้กับงานหนักๆได้ดีไม่ว่าการตัด แทง งัด เจาะวัตถุแข็งๆ



-          Hawkbill or Hook blade เป็นมีดใบโค้งโดยด้านคมของมีดอยู่ทางด้านในของใบโค้ง ปลายมีดคมสามารถใช้ในการตัด เฉือนได้ดี โดยเฉพาะวัตถุที่เหนียวๆ



-          Dagger or double-edged knife เป็นมีดสองคมที่ทั้งสองด้านค่อยๆลาดมาบรรจบกันตรงกึ่งกลางความกว้างของใบมีด จะมีสันมีด (Spine) ที่ยาวตลอดใบมีดทำให้มีดแบบนี้มีความแข็งแรงสูง จึงมักใช้ในมีดเพื่อการป้องกันตัว (Self-defense knives) เป็นส่วนใหญ่ เหมาะแก่การแทง แต่ปลายมีดก็อาจหักได้ง่ายเช่นกัน

-          Scimitar เป็นมีดโค้งที่ด้านคมของใบมีดอยู่ด้านนอกของใบโค้ง ปลายมีดเรียวเล็ก ได้รับอิทธิพลจากมีดหรือดาบของชาวอาหรับ ใช้แทงและเฉือนได้ดีเช่นกัน



-          Trailing point เป็นมีดที่ปลายมีดโค้งขึ้นเล็กน้อย โดยปลายมีดอยู่สูงกว่าสันมีด มักใช้ได้ดีในการเฉือน (Slicing)


Drop point, Clip point และ Spear point เป็นรูปแบบใบมีดที่นิยมมากที่สุด ยังมีมีดต่อสู้ที่มีลักษณะเฉพาะอีกมากแตกต่างกันตามแต่ละวัฒนธรรมต้นกำเนิดและท้องถิ่น นอกจากนั้นยังคงมีการพัฒนาออกแบบมีดให้มีความหลากหลายมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง


สำหรับมีดใช้งานเฉพาะด้าน มีดใช้งานทั่วไป (Utility knives) ก็มีรูปร่างใบมีดซึ่งอาจแตกต่างกันออกไปได้อีก เช่น Sheepfoot, Wharncliffe, ulu, Spay point, Needle point เป็นต้น


การเลือกมีดเพื่อใช้ในการต่อสู้ป้องกันตัวนั้น จำเป็นต้องรู้ข้อดี-ข้อเสีย-ข้อจำกัดของมีดที่เราพกพาประจำเพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างถูกต้องเหมาะสม


สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับมีดขอให้มี “สติ”
                                                                                                เรียบเรียงโดย Batman
         อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Knife Blade Shapes ของ knife-making-supplies.net, Knife Blade Types ของ the-knife-connection.com, Blade Shapes ของ knivestown.com

Thursday, April 14, 2011

ล้มแล้ว อย่าล้มเลย


ล้มแล้ว อย่าล้มเลย


เมื่อหลายปีก่อนผมเริ่มเรียน Martial Art ด้วยตั้งใจจะหาวิธีป้องกันตัวจากภัยคุกคามทำร้ายในรูปแบบต่างๆ ผมก็ตั้งใจฝึกอย่างเต็มที่ แต่มีสิ่งที่รบกวนจิตใจผมเรื่อยมา ก็คือ ทุกครั้งที่เริ่มฝึกครูฝึกกำหนดให้เราฝึกล้มอย่างที่เรียกกันในโรงฝึกว่าการ ตบเบาะ ผมไม่ชอบเลยรู้สึกว่าครูฝึกพยายามทำลายเวลาอันมีค่าของผมด้วยการให้ฝึกอะไรก็ไม่รู้ ผมต้องเสียเวลากับการล้มไปข้างหน้า ข้างๆ ข้างหลัง ม้วนตัวกลิ้งไปทั่วเบาะ เนื้อตัวช้ำดำเขียวจากการทุ่มตัวเองกระแทกพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า มองไม่ออกว่ามันมีส่วนช่วยป้องกันตัวที่ตรงไหน แต่ผมก็จำใจเรียนไปเรื่อยๆ


หลังจากนั้นผมก็มีโอกาสเรียน Martial Art อีกหลายระบบตามแต่โอกาสที่จะอำนวย แต่ไม่มีระบบไหนที่ผมต้องทุ่มตัวกระแทกพื้นให้เจ็บตัวเปล่าๆอีกเลย ผมเองก็แทบจะลืมๆไปแล้ว จนเมื่อหลายเดือนก่อนผมกำลังเดินไปบนทางเท้าแถวประตูน้ำ มือขวาผมถือนาฬิการาคาแพงซึ่งจะนำไปซ่อมที่ร้าน ขณะนั้นเป็นเวลาหลังฝนตก และผมเดินผ่านทางลาดที่เขาทำไว้เพื่อให้รถเข็นหรือจักยานขึ้นบนทางเท้าได้ ทันทีที่ผมก้าวเท้าไปบนทางลาดนั้น ผมก็ลื่นล้มหงายหลังฟาดพื้น.....


ผมหยุดเวลาไว้ตรงนี้ก่อนเพื่อให้คุณมีเวลานึกถึงสภาพอันน่าอนาถของคนอายุใกล้เกษียรคนหนึ่งหงายหลังหัวฟาดพื้นซีเมนต์โดยมือขวาถือของมีค่าราคาแพงอยู่ คุณอาจประเมินความเสียหายของอุบัติเหตุครั้งนี้ได้มหาศาล แต่..... ตัดภาพมาที่เดิมอีกครั้ง ผมพบตัวเองล้มลงเหมือนตอนฝึกตบเบาะแล้วลุกพรวดพลาดขึ้นเดินต่อ ท่ามกลางผู้คนที่ยืนอยู่แถวนั้นที่ส่งเสียงอุทานเมื่อเห็นผมล้มลงอย่างแรง แล้วก็อุทานอีกครั้งด้วยความแปลกใจที่เห็นผมลุกขึ้นเดินเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมรีบจ้ำเดินพ้นมาแล้วสำรวจดูว่ามีบาดเจ็บเสียหายที่ใดหรือไม่ ปรากฏว่านาฬิกาไม่มีรอยขีดข่วนใดๆ ร่างกายไม่มีรอยฟกช้ำแม้แต่น้อย


มีรายงานสถิติของผู้ได้รับบาดเจ็บจนถึงเสียชีวิตหรือเป็นอัมพาต เพราะการล้มลงกับพื้นด้วยสาเหตุต่างๆกัน พบว่าผู้ประสบเหตุส่วนใหญ่ไม่สามารถควบคุมตัวเองทำให้ศีรษะกระแทกพื้นอย่างแรง หรือในกรณีที่บาดเจ็บตามกระดูกข้อต่อต่างๆ เป็นเพราะผู้เสียหายพยายามใช้อวัยวะเหล่านี้ยันพื้นเพื่อทรงตัว แต่ไม่รู้จักวิธีกระจายน้ำหนักหรือเก็บอวัยวะเหล่านี้ให้ดี ทำให้กระแทกพื้นจนบาดเจ็บร้ายแรง สรุปคือ “ไม่รู้จักการล้มที่ปลอดภัย” นั้นเอง


ดังนั้นผมขอยืนยันกับทุกท่านอีกครั้งว่า การฝึกล้มอย่างถูกวิธีนั้นสำคัญมาก หากใครเรียน Martial Art ระบบที่มีการสอนอยู่แล้ว ขอให้ตั้งใจฝึกให้ดี เพราะคุณจะได้ใช้แน่นอน หากใครเรียนระบบที่ไม่มีสอนการตบเบาะ ก็ควรถามเพื่อนฝูงหรือครูที่เรียนมา ขอให้เขาสอนหรือแนะนำให้ แล้วอดทนฝึกให้ชำนาญ ทักษะนี้จะเป็นแต้มต่อของคุณในการต่อสู้ป้องกันตัว และการดำรงชีวิตประจำวันในอนาคตจนแก่เฒ่าเชียว


“เท้าหนัก หมัดไว มีดคม ก็ไม่มีประโยชน์หากคุณถูกกระแทกล้ม น็อกพื้นตั้งแต่แรก”


                                                                                                            เรียบเรียงโดย Snap shot

Friday, April 8, 2011

Fixed Blades VS. Folding Knives


Fixed Blades VS. Folding Knives


ทั้งมีดใบตาย (Fixed blades) และ มีดพับ (Folding knives) ต่างก็มีข้อดี-ข้อเสียด้วยกันทั้งสิ้น ในแง่ของมีดที่ถูกออกแบบให้ใช้เพื่อการต่อสู้ป้องกันตัว (Tactical knives) นั้น การจะเลือกใช้มีดแบบใดขึ้นกับจุดประสงค์ของการพกพาและใช้งาน


-          ความแข็งแรงของมีด เป็นที่ยอมรับกันว่ามีดใบตายนั้นมีความแข็งแรงกว่ามีดพับ โดยเฉพาะถ้าเป็นมีดใบตายซึ่งทำจากเหล็กชิ้นเดียวยาวตลอดตั้งแต่ใบมีดจนถึงปลายด้ามมีด (Full tang) เนื่องจากไม่มีข้อต่อระหว่างใบมีดและด้ามมีดเหมือนมีดพับ (ตำแหน่งข้อต่อต่างๆมักเป็นจุดอ่อนของมีด) หากการใช้งานสมบุกสมบัน เช่น เข้าป่า ทหาร การใช้มีดใบตายดูจะเหมาะสมกว่า เนื่องจากมีดให้ความทนทานในการใช้งานมากกว่า


-          การพกซ่อน มีดพับสะดวกในการพกซ่อนเพราะเมื่อพับเก็บจะทำให้พกพาได้สะดวกกว่า แนบเนียนกว่า แต่ก็มีมีดใบตายขนาดเล็กบางแบบซึ่งก็พกซ่อนได้ไม่ยากนัก เช่น Neck knives (มีดห้อยคอ) มีดหัวเข็มขัด เป็นต้น โดยส่วนใหญ่มีดพับจะได้เปรียบมีดใบตายอยู่บ้าง


-          ความง่ายในการนำออกมาใช้งาน มีดใบตายหากพกอยู่ในซองมีดใช้เพียงแค่จังหวะเดียว คือ ชักมีดออกจากซองก็พร้อมใช้งานแล้ว แต่มีดพับซึ่งพกติดตัวโดยทั่วไปต้องทำสองจังหวะ กล่าวคือ เริ่มจากดึงมีดออกจากที่พก ต่อมาก็เปิดใบมีดเพื่อพร้อมใช้งาน จึงเสียเวลามากกว่ามีดใบตาย แต่ก็มีมีดพับบางยี่ห้อหรือบางรุ่นที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น Wave ของ Emerson ซึ่งทำให้การดึงมีดออกจากที่พกแล้วเปิดใบมีดไปพร้อมกันทำให้มีดพร้อมใช้งานได้เร็วขึ้น


-          ความเชื่อถือได้ของมีด ในแง่นี้ดูจากเมื่อมีดพร้อมใช้งานแล้วสามารถคงการทำงานของมีดได้ตลอดการใช้งาน ซึ่งมีดใบตายค่อนข้างได้เปรียบมีดพับเพราะไม่มีข้อต่อให้ก่อปัญหามากนัก ในขณะที่มีดพับหากระบบล็อกใบมีดเมื่อเปิดใบมีดจนสุดไม่ดีหรือไม่แข็งแรง อาจทำให้ใบมีดเปิดได้ไม่สุดหรือมีการปลดล็อกใบมีดกลางคันในขณะใช้งาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นโดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน ดังนั้นมีดใบตายจึงได้เปรียบอย่างชัดเจน


-          การดูแลรักษา มีดใบตายใช้เวลาในการดูแลน้อยกว่ามีดพับ เพราะเราแค่ทาน้ำมันเล็กน้อยกันสนิม ตรวจดูคมมีดและด้ามว่ามั่นคงดีหรือไม่แล้วเก็บตามปกติ แต่มีดพับต้องตรวจดูระบบการทำงานของระบบเปิดและล็อกใบมีด ตรวจดูสกูลที่ยึดส่วนต่างๆของมีดเอาไว้ว่ายังแน่นดีหรือไม่ โดยทั่วไปแล้วมีดใบตายดูแลง่ายกว่า


-          ความคมของมีด ตามปกติไม่ว่ามีดใบตายหรือมีดพับถือว่ามีความคมที่ดีด้วยกันทั้งคู่หากทำมาจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน การดูแลรักษาคมมีดเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ควรใช้มีดตัดหรือฟันสิ่งของโดยไม่จำเป็น เช่น การทดสอบคมมีดโดยการฟันสิ่งของแข็งๆด้วยความอยากรู้ เพราะเมื่อมีดทื่อแล้วการขึ้นคมใหม่ในเมืองไทยทำได้ไม่ดีนัก ในด้านความคมของมีดถือว่าพอๆกันไม่ว่ามีดใบตายหรือมีดพับ


-          มีดคมเดียวหรือสองคม สำหรับมีดใบตายนั้นมีให้เลือกทั้งสองแบบ ส่วนมีดพับมักมีคมด้านเดียว ยกเว้นมีดบางแบบบางรุ่น เช่น OTF knives, Balisong ที่มีคมสองด้านให้เลือกใช้ในบางรุ่น เป็นต้น


-          ความแข็งแรงของใบมีด มีดจะหักหรือบิ่นง่ายหรือไม่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิเช่น ชนิดของเนื้อเหล็ก ความหนาบางของใบมีด การออกแบบลักษณะใบมีด และการใช้งาน โดยทั่วไปมีดใบตายมักสามารถทำใบมีดให้หนากว่ามีดพับได้จึงมักได้เปรียบมีดพับอยู่บ้าง


-          ด้ามจับ มีดใบตายมักสามารถทำด้ามจับขนาดใหญ่ได้ถนัดมือมากกว่า เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องการพกซ่อน แต่การเลือกด้ามจับนั้นเป็นเรื่องของแต่ละคนควรทดลองจับถือมีดเองเพื่อดูว่าจับได้ถนัดหรือไม่ มีดใบตายบางแบบใช้โครงมีดเป็นด้ามจับไปด้วย (Skeleton handle) ซึ่งอาจกำด้ามมีดได้ไม่ถนัดนัก (แต่ก็ทำให้พกซ่อนได้ดีขึ้น) มีดพับมีด้ามจับที่ทำจากวัสดุได้หลากหลาย การทดลองจับถือมีดเองจึงเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกมีดให้ถูกมือ


-          ความยาวของใบมีด มีดใบตายมีขนาดใบมีดให้เลือกหลากหลายกว่า ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดยาวและใหญ่มากๆ ในขณะที่มีดพับมีขนาดใบมีดให้เลือกใช้น้อยกว่า เพราะหากมีดพับมีใบมีดขนาดใหญ่และยาวมากก็จะทำให้การพกพาหรือพกซ่อนทำได้ลำบากจึงขาดคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของมีดพับไป ดังนั้นมีดพับส่วนใหญ่ซึ่งนิยมกันในการพกเพื่อป้องกันตัว ความยาวของใบมีดมักไม่เกิน 4 นิ้ว (มีมีดพับบางรุ่นที่มีใบยาวถึง 5 หรือ 6 นิ้วก็มี แต่ไม่ค่อยนิยม)


-          ใบหยัก (Serrated blade) กับใบเรียบ (Plain blade) ไม่ว่ามีดใบตายหรือมีดพับก็มีให้เลือกได้ทั้งใบเรียบตลอดความคมของมีด กับใบกึ่งเรียบหรือกึ่งหยัก (มีส่วนที่ใบหยักและใบเรียบรวมกัน โดยส่วนของใบหยักมักอยู่ใกล้โคนมีด) หรือใบหยักทั้งใบก็มี (แต่ไม่ค่อยนิยม) ใบหยักนั้นมักใช้ในการตัดผ่านวัสดุบางประเภทได้ดี เช่น เอ็น ผ้าที่มีลักษณะมันๆ ลื่นๆ อาทิเช่น เสื้อเจ็ทเกตผ้าร่ม สามารถใช้เลื่อยกิ่งไม้ได้บ้าง เป็นต้น การเลือกลักษณะของใบมีดนั้นขึ้นกับการใช้งาน เช่น หากเข้าป่า ใช้มีดเพื่อดำรงชีพในป่า การใช้มีดกึ่งหยักอาจได้เปรียบอยู่บ้างเพราะมีลักษณะใบมีดให้เลือกใช้งานได้หลากหลายกว่า ส่วนการใช้มีดเพื่อป้องกันตัวโดยทั่วไปนั้น ใบเรียบหรือใบกึ่งหยักถือว่าไม่ค่อยแตกต่างกันนัก


-          ราคา ทั้งมีดพับและมีดใบตายมีหลายระดับราคา ขึ้นกับวัสดุและการออกแบบ แต่โดยทั่วไปมีดพับมักมีราคาแพงกว่ามีดใบตาย เนื่องจากมีดพับมีกลไกที่ซับซ้อนกว่าจึงมีขั้นตอนในการผลิตมากกว่า และบางครั้งมีการออกแบบมีดพับให้สามารถใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์มากกว่า


การเลือกมีดใบตายหรือมีดพับจึงขึ้นกับลักษณะของการใช้งาน สำหรับประชาชนซึ่งใช้มีดเพื่อป้องกันตัวทั่วไปนั้น มีดพับถือว่านิยมมากที่สุด เพราะสะดวกในการพกพาหรือพกซ่อน ส่วนมีดใบตายขนาดเล็กซึ่งพกซ่อนได้ง่ายก็สามารถใช้ได้เช่นกัน การพกมีดใบตายขนาดใหญ่มักใช้ในงานที่ต้องการความแข็งแรงสมบุกสมบัน เช่น การเข้าป่า หรือในราชการทหาร เป็นต้น


นอกจากนั้นหากมีอาชีพที่มีความเสี่ยงจากภัยคุกคามสูง เช่น ทหาร หรือ พรานล่าสัตว์ในป่า ซึ่งมีดถือเป็นอาวุธหรืออุปกรณ์สำคัญอย่างหนึ่งในการดำรงชีพหรือการป้องกันตัวในระยะประชิด นอกจากพกมีดหลักซึ่งใช้งานประจำแล้ว การมีมีดสำรองถือเป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน


นอกจากมีมีดแล้วยังต้องรู้วิธีใช้มันอย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพ


สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับมีดขอให้มี “สติ”


                                                                                                            เรียบเรียงโดย Batman
 

Samsung LCD televisions